ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์พบปอด “หลวงพ่อคูณ” แฟบ หลอดลมบางส่วนผิดปกติหดตัว เหตุปอดอักเสบรุนแรง ปรับเพิ่มยาฆ่าเชื้อตัวใหม่ให้ครอบคลุมเสริมฤทธิ์ยามากขึ้น ผลตรวจเสมหะพบเป็นเชื้อแบคทีเรียค่อนข้างดื้อยา อาการล่าสุด ยังคล้ายเดิม เป็นไข้ต่อเนื่อง เหนื่อยอ่อนเพลี มีเสมหะมาก และเตรียมพร้อมใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ระบุขอรอดูผลแล็บเพาะเชื้อน้ำในช่องปอด และประเมินอาการอีก 2 วัน ก่อนตัดสินใจย้ายไป รพ.ศิริราช ขณะพี่ชาย-น้องสาวรุดเยี่ยมให้กำลังใจถึงห้องผู้ป่วย
บ่ายวันนี้ (5 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย นพ.ธนากร อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางดินหายใจ พญ.วิลาวัลย์ แสงศิรินาคะกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมโรคติดเชื้อ ได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณอีกครั้ง จากนั้น นพ.พินิศจัย ได้หารือกับ น.ส.จู ปะริสุทธิชาติ และ นายสมบูรณ์ โสตถิตอนันต์ ลูกศิษย์ใกล้ชิด และกรรมการวัดบ้านไร่เรื่องอาการอาพาธ และแนวทางการรักษาหลวงพ่อคูณ
พร้อมกันนี้ นายครึ้ม ฉัตรพลกรัง อายุ 94 ปี พี่ชาย หลวงพ่อคูณ ได้เดินทางมากับลูกสาว จาก ต.สีมุม อ.เมือง จ.นครราชสีมา และนางคำมั่น วงษ์กาญจนารัตน์ อายุ 86 ปี น้องสาว หลวงพ่อคูณเดินทางมาจาก อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เข้าเยี่ยมอาการอาพาธ และให้กำลังใจหลวงพ่อคูณ ในห้องผู้ป่วยด้วย
นพ.พินิศจัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยอาการว่า จากการเข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณล่าสุดพบว่า ยังมีลักษณะคล้ายเดิม คือยังเหนื่อย อ่อนเพลีย และมีเสมหะมาก มีไข้ 37.5-38 องศาเซลเซียส แต่ผลจากการตรวจดูข้อมูลการเอกซเรย์ปอด ดูเหมือนว่า จะเริ่มดีขึ้นบ้าง ออกซิเจนในเลือดเริ่มดีขึ้น แต่ปัญหาตรงที่ท่านยังมีไข้อยู่ ซึ่งวันนี้เข้าวันที่ 7 แล้วก็ยังมีไข้อยู่
การที่ท่านยังมีไข้นั้นน่าจะเป็นจากพยาธิสภาพในปอดของหลวงพ่อด้วย และท่านอายุมากแล้ว และมีถุงลมโป่งพอง มีวัณโรคปอดทำให้เนื้อปอดบางส่วนแฟบ หรือยุบ และหลอดลมบางส่วนก็ผิดปกติ และเมื่อมีภาวะปอดอักเสบที่รุนแรงจากการสำลักกรดในกระเพาะเข้าไปสู่ปอดทั้งสองข้าง และติดเชื้อทำให้การตอบสนองการรักษาอาจจะช้า ซึ่งจะให้เหมือนคนทั่วไปเป็นเรื่องยากมาก ต้องรักษาแบบประคับประคองไป และวันนี้ (5 ธ.ค.) หลวงพ่อยังมีไข้อยู่ คณะแพทย์จึงมีความเห็นเพิ่มยาฆ่าเชื้อเข้าไป เพื่อให้ครอบคลุมเชื้อ หรือเสริมฤทธิ์ยาเข้าไปอีกตัวหนึ่ง
ส่วนผลการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการนั้น ผลการตรวจเสมหะพบเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ค่อนข้างจะดื้อยา แต่สอบสนองกับยาที่เราให้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนผลเพาะเชื้อน้ำในช่องปอดยังไม่ออกต้องรออีก 2 วัน และในวันศุกร์ที่ 7 ธ.ค. นี้จะมีการประเมินผลการรักษาอีกครั้งเมื่อครบกำหนดให้ยา ขณะนี้จึงอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง
“ส่วนการใส่เครื่องช่วยหายใจนั้น ตอนนี้ได้มีการเตรียมการไว้พร้อมอยู่แล้ว ถ้าอาการท่านแย่ลงจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเราก็พร้อม แต่ตอนนี้ยังไม่ต้องใส่”
นพ.พินิศจัย กล่าวต่อว่า สำหรับการย้ายไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ นั้น หากมีความจำเป็น หรือหากคิดว่าไปที่โน่นแล้วน่าจะได้รับการรักษาที่ดีกว่า และเมื่อเทียบกับการที่ท่านจะต้องเดินทางไปแล้วคุ้ม เราก็จะต้องตัดสินใจส่งตัวท่านไป ซึ่งที่ผ่านมา เราก็ทำอย่างนี้มาโดยตลอดอยู่แล้ว และขณะนี้ได้มีการประสานกับทางโรงพยาบาลศิริราชมาโดยตลอด ซึ่งทางโน้นก็เตรียมการไว้พร้อมเช่นกัน
ส่วนปัจจัยที่จะทำให้ตัดสินใจส่งตัวท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น เช่น หากผลเพาะเชื้อน้ำในช่องปอดเป็นหนอง หรือถ้ามีน้ำในปอดมาก อาจต้องพิจารณาส่งตัวท่านไป แต่ถ้าน้ำในปอดหายไปแล้วและท่านดีขึ้นก็อาจไม่จำเป็น
“ยอมรับว่ามาถึงวันนี้ ปอดท่านไม่ปกติค่อนข้างมาก พอติดเชื้อเราเห็นชัดมาก ทั้งหลอดลมที่มีการหดตัวค่อนข้างรุนแรง เสลดเสมหะที่มีมาก เนื้อปอดบางส่วนก็แฟบลง โดยเฉพาะด้านขวาจะแฟบมากกว่าด้านซ้าย ซึ่งเป็นผลพวงจากวัณโรคปอดของหลวงพ่อคูณ” นพ.พินิศจัยกล่าว