เชียงราย - เครือข่ายชาว “ไทลื้อ 8 จังหวัดภาคเหนือ” ตั้งโต๊ะแจงชัด “ลุงหนวด” คนดังแม่สายที่พัวพัน “หน่อคำ และคดีปล้นฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพ” ไม่เกี่ยวกับชมรมไทลื้อแม่สาย
วันนี้ (23 พ.ย.) นายอนันต์ อินวงศ์ ประธานชมรมไทลื้อแม่สาย ได้นำคณะกรรมการและตัวแทนชาวไทลื้อ 8 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และตาก แถลงข่าวที่สำนักงานศูนย์อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยลื้อแม่สาย ต.แม่สาย อ.แม่สาย
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านของนายจำรัส สมพงศ์พรรณ หรือลุงหนวด อายุ 60 ปี ที่บ้านเลขที่ 240 ชุมชนป่าเหมือด ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย และอีกหลายหลัง เนื่องจากสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีปล้นเรือจีน 2 ลำ และยิงลูกเรือจีน 13 ศพ ขณะที่นายหน่อคำ แกนนำกลุ่มติดอาวุธที่ถูกทางการจีนจับตัดสินลงโทษประหารชีวิตไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้
นายอนันต์แถลงว่า นายจำรัสไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับชมรมไทลื้อแม่สายดังที่ปรากฏในข่าวสารที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้เลย และเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ทำให้ชาวไทลื้อใน 8 จังหวัดภาคเหนือได้รับความเสียหาย จึงขอให้สื่อมวลชนได้นำเสนอข้อเท็จจริงต่อประชาชน
หลังจากการแถลงข่าว คณะของชมรมไทลื้อแม่สายยังได้เดินทางไปที่ สภ.แม่สาย เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ณัฏฐวุฒิ ยุววรรณ ผกก.สภ.แม่สาย เพื่อขอให้ชี้แจงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ที่ได้เข้าไปดำเนินการยึดทรัพย์สินของนายจำรัสเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 55 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง พ.ต.อ.ณัฏวุฒิได้รับหนังสือไว้และรับจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กรณีของลุงหนวดนั้น ทาง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง กว่า 700 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน 3 อำเภอ คือ อ.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 15 เป้าหมาย, อ.แม่สาย จำนวน 15 เป้าหมาย, อ.แม่จัน จำนวน 10 เป้าหมาย รวมทั้งหมด 40 เป้าหมาย
จุดใหญ่คือ การเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 240 และบ้านเลขที่ 199 ต่อเนื่องไปถึงเลขที่ 199/1 ชุมชนป่าเหมือด ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายจำรัส โดยมีการระบุว่าเป็นประธานชมรมไทลื้อจนทำให้ทางชมรมออกมาแถลงและยื่นหนังสือต่อตำรวจดังกล่าว
ส่วนคดียิงเรือสินค้าจีนดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2554 ในเขตประเทศพม่า ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ประมาณ 25 กิโลเมตร โดยคนร้ายบุกเข้าปล้นเรือสินค้าจีน 2 ลำ คือ เรือหัวปิง บรรทุกกระเทียม และแอปเปิล และเรือหยูชิงปาเห่า ซึ่งบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง
จากนั้นได้ส่งเรือลอยเข้ามาเทียบฝั่งไทยที่บ้านสบรวก ต.เวียง อ.เชียงแสน ก่อนที่ทหารกองกำลังผาเมืองของไทยจะเข้าควบคุมเรือ และค้นพบยาบ้าบนเรือทั้ง 2 ลำ รวมกัน 920,000 เม็ด ต่อมาจึงพบศพลูกเรือทยอยลอยมาติดฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้รัฐบาลไทยเร่งคลี่คลายคดีจนมีการดำเนินคดีต่อนายทหารจากกองกำลังผาเมืองรวม 9 นาย ข้อหาฆ่าผู้อื่นและปิดบังซ่อนเร้นศพ ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในชั้นอัยการสูงสุด และมีการส่งให้ศาลพิจารณาไต่สวนชันสูตรพลิกศพอยู่ ส่วนนายหน่อคำ และพวกถูกทางการจีนตามมาจับได้ในเขต สปป.ลาว
