xs
xsm
sm
md
lg

ปูพรมค้นเชียงราย 40 จุด 3 อำเภอ - เป้าใหญ่บ้าน“ลุงหนวด”ข่าย“หน่อคำ” อายัดทรัพย์เกลี้ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - เลขา ป.ป.ส. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร-ฝ่ายปกครอง กว่า 700 นาย ลุยค้น 40 เป้าหมายต้องสงสัยซุกซ่อนยาเสพติดในเขต 3 อำเภอของเชียงราย วางเป้าใหญ่บุกคฤหาสน์ “ลุงหนวด-จำรัส หรือโอฬาร ผ้าเจริญ”เครือข่าย “หน่อคำ”ที่ชายแดนแม่สาย แต่เจอเพียงแม่บ้านชาวพม่า พบติดวงจรปิดทุกจุด พร้อมอายัดทรัพย์ร่วม 1-2 ร้อยล้าน

เช้ามืดวันนี้ (20 พ.ย.55) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ร่วมกับ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย , พ.อ.ถนัดพล โกศัยเสวี ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง และฝ่ายปกครองนำโดยนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย รวมกันกว่า 700 นาย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นทำลายเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มของนายหน่อคำ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธที่พัวพันกับยาเสพติดและเรียกค่าคุ้มครองเรือในแม่น้ำโขง นักโทษคดีปล้นเรือสินค้าจีนในแม่น้ำโขง 2 ลำและฆ่าลูกเรือ 13 ศพ เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา และปัจจุบันถูกศาลเมืองคุนหมิง ประเทศจีน ตัดสินประหารชีวิตนายหน่อคำ พร้อมพวกไปแล้ว

โดยครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 3 อำเภอคือ อ.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 15 เป้าหมาย ,อ.แม่สาย จำนวน 15 เป้าหมาย ,อ.แม่จัน จำนวน 10 เป้าหมาย รวมทั้งหมด 40 เป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายใหญ่คือการเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 240 และบ้านเลขที่ 199 - 199/ 1 ชุมชนป่าเหมือด ตำบลเวียงพางคำ อ.แม่สาย ชายแดนไทย-พม่า ของนายจำรัส สมพงษ์พรรณ หรือโอฬาร ผ้าเจริญ หรือรู้จักกันในวงการว่าลุงหนวด ประธานชมรมชาวไทยลื้อแม่สายวัย 60 ปี เนื่องจากเจ้าหน้าที่สงสัยว่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มของนายหน่อคำ ในคดีเดียวกันและยังเป็นที่ต้องการตัวของทางการประเทศจีนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นพบมีบ้านอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวน 4 หลัง แต่ไม่พบตัวนายจำรัส แต่อย่างใด คาดว่า ได้ไหวตัวหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่พบนางคำ สมนวลสวัสดิ์ อายุ 55 ปี เป็นแม่บ้านชาวพม่าที่ดูแลบ้านและนำดูบริเวณบ้านพบว่า มีการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในตัวบ้านอย่างดี ด้วยกล้องวงจรปิดกว่า 10 ตัว ทั้งยังมีจอดูภาพภายในบ้านที่ทันสมัยทุกมุม พร้อมห้องควบคุมกล้อง ห้องพักรับรอง ห้องจัดเลี้ยง และภายในบ้านยังเลี้ยงหมีควายตัวใหญ่เอาไว้อีกด้วย

แต่ก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายอื่น โดยพบเพียงซองใส่อาวุธปืนหลายชนิดอยู่ ไม่พบอาวุธส่วนตู้เซฟที่มีอยู่พบมีการขนย้ายเงินออกไปแล้ว

ซึ่งนางคำ ให้การว่า เป็นเพียงผู้ดูแลบ้านไม่รู้เห็นเกี่ยวกับกิจการใดๆ ของนายจำรัส ทำให้เจ้าหน้าที่ได้อาศัยพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดปี 2534 ทำการยึดทรัพย์สินดังกล่าวมาทำการตรวจสอบ โดยจากการคาดการณ์เบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 100-200 ล้านบาท

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การกวาดล้างครั้งนี้เป็นการสกัดต้นทางการขนยาเสพติดเพื่อสกัดไม่ให้ขนเข้าสู่ชั้นในของประเทศ โดยพบว่าขบวนการบางสายมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกรณีของนายจำรัส เป็นผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่แกะรอยติดตามตัวมานานนับปี กระทั่งพบว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มของนายหน่อคำ ที่ถูกทางการจีนตัดสินไปแล้ว ทั้งยังโยงใยไปถึงกรณีปล้นฆ่าเรือจีนรวม 13 ศพด้วย ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับคดียิงเรือสินค้าจีนดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค.2554 ในเขตประเทศพม่า ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ประมาณ 25 กิโลเมตร โดยร้ายบุกเข้าปล้นเรือสินค้าจีน 2 ลำคือเรือหัวปิง ซึ่งบรรทุกกระเทียมและแอปเปิ้ล และเรือหยูชิงปาเห่า บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง จากนั้นเรือได้ลำลอยเข้ามาเทียบฝั่งไทยที่บ้านสบรวก ต.เวียง อ.เชียงแสน โดยมีทหารกองกำลังผาเมืองของไทยเข้าควบคุมเรือ บนเรือพบยาบ้าบนเรือทั้ง 2 ลำรวมกัน 920,000 เม็ด

ต่อมาจึงพบศพลูกเรือทยอยลอยมาติดฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้รัฐบาลไทยเร่งคลี่คลายคดีจนมีการดำเนินคดีกับนายทหารจากกองกำลังผาเมืองรวม 9 นายข้อหาฆ่าผู้อื่นและปิดบังซ่อนเร้นศพ โดยปัจจุบันขั้นตอนอยู่ในชั้นอัยการสูงสุดและมีการส่งให้ศาลพิจารณาไต่สวนชันสูตรพลิกศพรวมทั้งรอหลักฐานบางอย่างจากประเทศจีนยู่

ส่วนนายหน่อคำ และพวกถูกทางการจีนตามมาจับได้ในเขต สปป.ลาว จนถูกตัดสินไปแล้ว เหลือนายจำรัส ที่ยังไม่พบตัว




กำลังโหลดความคิดเห็น