กาญจนบุรี - โจ๋กาญจน์วัย 16 เจ็บใจแค้นถูกรุ่นพี่นักศึกษา ปวส.รุมยำที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ย่องขโมย 11 มม.ของลุงกำนัน ขับรถ จยย.ประกบยิงหัวสาหัส ก่อนโดนรวบคาบ้านพร้อมของกลาง สารภาพเจอหน้าให้ขอโทษแต่ไม่ยอม
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (22 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.ต.ชัยวัฒน์ เทียมเมฆา พนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.คืนที่ผ่านมา (21 พ.ย.) ได้เกิดเหตุชายวัยรุ่นถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัดกาญจนบุรี นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลท่าม่วง ก่อนส่งต่อไปที่โรงพยาบาลมะการักษ์ เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยหนามแดง ริมถนนแสงชูโต หมู่ 5 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง โดยหลังเกิดเหตุจึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนู ฮวบประเสริฐ ผกก.สภ.ท่าม่วง พ.ต.ท.ชานุ ชินินทร รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ปรัชญา คชประดิษฐ์ สวป. และ พ.ต.ต.ชาญ คำอารีย์สกุล สว.สส.จากนั้นจึงรายงานให้ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรีทราบ และได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี นำกำลังมาช่วยคลี่คลายคดี
จากการตรวจจุดเกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีแดง ทะเบียน กยล 294 กาญจนบุรี ล้มอยู่ มีกองเลือดกระจาย ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัดกาญจนบุรี นำส่ง รพ.ท่าม่วง จึงเดินทางไปสอบปากคำ ทราบชื่อคือ นายจักรพงษ์ ดีอ่วม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1111/102 หมู่บ้านสินกาญจน์ หมู่ 5 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง นักศึกษา ปวส.ปี 1 วิทยาลัยการอาชีพท่าม่วง สาขาช่างก่อสร้าง ถูกยิงเข้าที่ขมับขวากระสุนทะลุออกบริเวณกะโหลกศีรษะด้านหลัง หลังจากคณะแพทย์ได้รักษาพยาบาลเบื้องต้น ได้ส่งต่อไปยัง รพ.มะการักษ์ เนื่องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พร้อมกว่า
จากการลงพื้นสอบสวน และร่วมประชุมเพื่อหาสาเหตุทราบว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา นายจักรพงษ์ ผู้บาดเจ็บพร้อมพวกได้มีเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นคู่อริคือ นายก้อง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ชาว ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าม่วง อีกทั้งยังพบหลักฐานชิ้นสำคัญคือ นายวิชัย ลิ้มเจริญ กำนันตำบลท่าม่วง ซึ่งเป็นลุงของนายก้อง ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง เพื่อแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานว่า ปืนขนาด 11 มม.ถูกคนร้ายขโมยไปจากบ้าน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงมีความเห็นว่าผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุน่าจะเป็นนายก้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าจับกุมนายก้อง ผู้ต้องสงสัยได้ที่บ้านพัก พร้อมอาวุธปืนขนาด 11 มม.ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ โดยมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ในรังเพลิง 5 นัด จึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ท่าม่วง
ร.ต.ต.ชัยวัฒน์ เทียมเมฆา พนักงานสอบสวนเปิดเผยต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุยิงนายจักรพงษ์ จริง สาเหตุเนื่องมาจากช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้มีปากเสียงกับนายจักรพงษ์ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง และถูกนายจักรพงษ์กับพวกได้รุมทำร้ายตนจนบาดเจ็บ จึงเกิดความแค้นและได้ไปขโมยปืนขนาด 11 มม.ของลุงมาจากบ้าน จากนั้นจึงออกตามหานายจักรพงษ์ กับพวกแต่ไม่พบ
จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา จึงพบตัว และได้เรียกคุยพร้อมกับให้นายจักรพงษ์ กล่าวขอโทษ แต่นายจักรพงษ์ ไม่ยอมขอโทษ และยังขับรถจักรยนต์หนี ด้วยความโกรธจึงขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีน้ำเงินแดง ทะเบียนป้ายแดง 30-130 กาญจนบุรี ที่ยืมเพื่อนมาตามประกบ และตัดสินใจชักอาวุธปืนยิงใส่ศีรษะนายจักรพงษ์ไป 1 นัด จนรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ หลังก่อเหตุได้หลบหนีกลับมาอยู่บ้าน โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยหลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้จึงจึงนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (22 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.ต.ชัยวัฒน์ เทียมเมฆา พนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.คืนที่ผ่านมา (21 พ.ย.) ได้เกิดเหตุชายวัยรุ่นถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัดกาญจนบุรี นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลท่าม่วง ก่อนส่งต่อไปที่โรงพยาบาลมะการักษ์ เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยหนามแดง ริมถนนแสงชูโต หมู่ 5 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง โดยหลังเกิดเหตุจึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนู ฮวบประเสริฐ ผกก.สภ.ท่าม่วง พ.ต.ท.ชานุ ชินินทร รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ปรัชญา คชประดิษฐ์ สวป. และ พ.ต.ต.ชาญ คำอารีย์สกุล สว.สส.จากนั้นจึงรายงานให้ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรีทราบ และได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี นำกำลังมาช่วยคลี่คลายคดี
จากการตรวจจุดเกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีแดง ทะเบียน กยล 294 กาญจนบุรี ล้มอยู่ มีกองเลือดกระจาย ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่าเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัดกาญจนบุรี นำส่ง รพ.ท่าม่วง จึงเดินทางไปสอบปากคำ ทราบชื่อคือ นายจักรพงษ์ ดีอ่วม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1111/102 หมู่บ้านสินกาญจน์ หมู่ 5 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง นักศึกษา ปวส.ปี 1 วิทยาลัยการอาชีพท่าม่วง สาขาช่างก่อสร้าง ถูกยิงเข้าที่ขมับขวากระสุนทะลุออกบริเวณกะโหลกศีรษะด้านหลัง หลังจากคณะแพทย์ได้รักษาพยาบาลเบื้องต้น ได้ส่งต่อไปยัง รพ.มะการักษ์ เนื่องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พร้อมกว่า
จากการลงพื้นสอบสวน และร่วมประชุมเพื่อหาสาเหตุทราบว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา นายจักรพงษ์ ผู้บาดเจ็บพร้อมพวกได้มีเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นคู่อริคือ นายก้อง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ชาว ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าม่วง อีกทั้งยังพบหลักฐานชิ้นสำคัญคือ นายวิชัย ลิ้มเจริญ กำนันตำบลท่าม่วง ซึ่งเป็นลุงของนายก้อง ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง เพื่อแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานว่า ปืนขนาด 11 มม.ถูกคนร้ายขโมยไปจากบ้าน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงมีความเห็นว่าผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุน่าจะเป็นนายก้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าจับกุมนายก้อง ผู้ต้องสงสัยได้ที่บ้านพัก พร้อมอาวุธปืนขนาด 11 มม.ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ โดยมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ในรังเพลิง 5 นัด จึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ท่าม่วง
ร.ต.ต.ชัยวัฒน์ เทียมเมฆา พนักงานสอบสวนเปิดเผยต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุยิงนายจักรพงษ์ จริง สาเหตุเนื่องมาจากช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้มีปากเสียงกับนายจักรพงษ์ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง และถูกนายจักรพงษ์กับพวกได้รุมทำร้ายตนจนบาดเจ็บ จึงเกิดความแค้นและได้ไปขโมยปืนขนาด 11 มม.ของลุงมาจากบ้าน จากนั้นจึงออกตามหานายจักรพงษ์ กับพวกแต่ไม่พบ
จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา จึงพบตัว และได้เรียกคุยพร้อมกับให้นายจักรพงษ์ กล่าวขอโทษ แต่นายจักรพงษ์ ไม่ยอมขอโทษ และยังขับรถจักรยนต์หนี ด้วยความโกรธจึงขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีน้ำเงินแดง ทะเบียนป้ายแดง 30-130 กาญจนบุรี ที่ยืมเพื่อนมาตามประกบ และตัดสินใจชักอาวุธปืนยิงใส่ศีรษะนายจักรพงษ์ไป 1 นัด จนรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ หลังก่อเหตุได้หลบหนีกลับมาอยู่บ้าน โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยหลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้จึงจึงนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที