บุรีรัมย์ - ตำรวจบุรีรัมย์หอบสำนวนคดีทุจริตจำนำข้าวกว่า 3,000 หน้า พร้อมผู้ต้องหา 31 รายส่งอัยการจังหวัดนางรองพิจารณาสั่งฟ้องศาลแล้ว หลังคดียืดเยื้อมานานกว่า 8 เดือน สร้างความเสียหายแก่งบประมาณรัฐกว่า 44 ล้านบาท ขณะรองผู้การยันข้อมูลหลักฐานมีน้ำหนักมัดตัวผู้กระทำผิดได้ทุกคน
วันนี้ (12 พ.ย.) เวลา 13.30 น. พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานรับผิดชอบคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว พร้อมทีมพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้รับการแต่งตั้งเพื่อสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว ได้นำสำนวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 สร้างความเสียหายแก่งบประมาณของรัฐกว่า 44 ล้านบาท ที่สรุปสำนวนคดีแล้วเสร็จรวมกว่า 3,000 หน้า
พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 31 ราย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.), ผู้ช่วย อคส., เจ้าของท่าข้าวธนพลพืชผล อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์, นักการเมืองท้องถิ่น, ผู้ใหญ่บ้าน, ตัวแทนเกษตรกร และเกษตรกร ที่ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่” ส่งให้พนักงานอัยการจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องศาลแล้ว หลังจากคดีดังกล่าวได้ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้รวมเป็นเวลานานกว่า 8 เดือน
โดยก่อนหน้านี้ทางชุดพนักงานสอบสวนที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นกว่า 20 นาย ได้ทำการสอบปากคำเกษตรกรทั้ง 459 รายที่ถูกตรวจพบว่ามีการสอดแทรกใบชั่งน้ำหนักปลอมกับฉบับจริงเพื่อนำไปเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ อคส.ออกใบประทวนให้ ก่อนนำไปขึ้นเงินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกินความเป็นจริง จนนำไปสู่การเชื่อมโยงถึงผู้ร่วมขบวนการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และออกหมายจับผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีดังกล่าว ส่วนการพิจาณาสั่งฟ้องนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานอัยการที่จะเป็นผู้พิจารณาสั่งฟ้องศาลหรือไม่อย่างไร
ทางด้าน พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้กำหนดให้ทุกจังหวัดที่มีคดีทุจริตจำนำข้าวได้เร่งสรุปสำนวนคดีส่งอัยการให้ทันก่อนวันที่ 15 พ.ย. 2555 ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์ก็ได้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และสามารถสรุปสำนวนส่งอัยการได้ก่อนกำหนด โดยผู้ต้องหาทั้ง 31 ราย นั้นถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ต้องหาทั้งหมดจะยังให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน โดยจะขอให้การและต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ก็ยืนยันว่าข้อมูลพยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอมัดตัวผู้กระทำผิดดังกล่าวได้ทุกคน