น่าน - สมาคมเต็กก่าฯ พร้อมด้วยชาวเมืองน่านร่วมล้างป่าช้า นำศพไร้ญาติขึ้นทำความสะอาด ทำบุญอุทิศส่วนกุศลครั้งใหญ่ 49 วัน กำหนดเริ่มขุดศพวันนี้ (11 พ.ย.)
นายสมชัย จอมเกตุ นายกสมาคมสหพันธ์การกุศล “เต็กก่า” แห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะกรรมการศาลเจ้าปึงเถ่ากงซินจง “เต็กก่า” จีน้ำเกาะจังหวัดน่าน โดยการนำของนายประสงค์ เหล่าอารยะ ร่วมกับชาวจังหวัดน่าน และสาธุชนทั่วไป นำโดย พล.ต.ต.ณรงค์ชัย วงษ์สามี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน เปิดงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติล้างป่าช้า ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน-28 ธันวาคม 2555 รวม 49 วัน
ทั้งนี้ เพื่อนำซากศพของบรรดาผู้ไร้ญาติขาดมิตร ขาดผู้ที่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เป็นเวลานาน ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นมาทำการฌาปนกิจ อุทิศส่วนกุศลให้เหล่าดวงวิญญาณได้ไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งขึ้น
งานวันแรกเมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีพิธีสวดมนต์ เวียนธูปกระทำทักษิณาวัตร และการเขียนผ้ายันต์ โดยการนำเลือดจากลิ้นร่างทรงของพระอรหันต์จี้กงมาผสมในการเขียนผ้ายันต์ พร้อมทั้งเชิญป้ายขึ้นยอดไผ่ที่สูงถึง 20 เมตร และได้มีการทำน้ำมนต์ที่มีน้ำเลือดจากลิ้นของร่างทรงพระอรหันต์จี้กงผสมอยู่ด้วย เพื่อนำมาใช้ในงานมหากุศลล้างป่าช้าเก็บศพไร้ญาติ ครั้งที่ 1 ตลอดงาน รวม 49 วัน
ช่วงสายวันที่ 10 พ.ย. เป็นพิธีเปิดงาน มีพิธีเชิญพระพุทธรูปขึ้นแท่นบูชาและร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดงานบุญมหากุศลเก็บศพไร้ญาติ โดยจะเริ่มขุดเก็บซากศพไร้ญาติในวันนี้ (11 พ.ย.) ที่สุสานภูเขาทอง ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน และตามลำดับจนครบ 49 วัน
สำหรับการล้างป่าช้าครั้งแรกในประเทศไทยเกิดขึ้นโดยสมาคมพุทธสมาคมสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา ในปี 2468 หลังเกิดโรคระบาดจนมีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งสมาคมพุทธสมาคมสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชาได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้ชาวจีนที่อพยพมาจากประเทศจีน และพอมีความรู้เรื่องการประกอบพิธีเป็นผู้ดำเนินการ
ดังนั้น ลักษณะของพิธีจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างพิธีของไทยกับจีน ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทวดาฟ้าดิน การประทับทรงของเทพเจ้า การติดฮู้หรือยันต์ อีกทั้งการสวดมนต์แบบจีน หากศพใดไม่เน่าเปื่อยก็จะไม่ขัดกระดูก เพียงแค่ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดร่างเท่านั้น ก่อนจะหาเสื้อผ้าและแป้งมาประพรมร่าง และร่างเหล่านี้หากเป็นชายจะเรียกว่าเทพบุตร ส่วนหญิงจะเรียกนางฟ้า และหากเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงจะเรียกว่ากุมารทอง และกุมารีตามลำดับ ซึ่งหากป่าช้าใดมีศพครบทั้ง 4 ประเภทถือว่าสมบูรณ์ที่สุด