ศูนย์ข่าวศรีราชา - คณะกรรมการมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ร่วมคณะกรรมการฝ่ายทรง มูลนิธิไตรสรณะพุทธสมาคมชลบุรี ในเครือพุทธมามกสงเคราะห์การกุศลแห่งประเทศไทย จัดพิธีขึ้นต้นไผ่ ตลอด 64 วันของงานมหากุศลล้างป่าช้าเก็บศพไร้ญาติ ครั้งที่ 2 ของมูลนิธิฯ
นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศบาลเมืองสัตหีบ ในฐานะประธานมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบลำดับที่ 34 พร้อมคณะกรรมการฝ่ายทรง มูลนิธิไตรสรณะพุทธสมาคมชลบุรี ลำดับที่ 6 ในเครือพุทธมามกสงเคราะห์การกุศลแห่งประเทศไทย ในฐานะมูลนิธิพี่เลี้ยง ได้ร่วมทำพิธีขึ้นต้นไผ่ ซึ่งจะต้องอัญเชิญตะเกียงไฟเทพเจ้าขึ้นบนยอดต้นไผ่ ตลอดเวลา 64 วัน ของการจัดงาน มหากุศลล้างป่าช้าเก็บศพไร้ญาติ ครั้งที่ 2 ของมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ เซียนซือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ซึ่งนายณรงค์ กล่าวว่า มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบได้จัดให้มีพิธีล้างป่าช้าครั้งที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2533 นับมาแล้ว 22 ปี ทำให้หลุมศพไร้ญาติที่เก็บไว้เริ่มเต็ม จนต้องจัดพิธีการล้างป่าช้าขึ้น เพื่อขุดศพเหล่านั้นมาเก็บกระดูก พร้อมทำความสะอาด เซ่นไหว้ข้าว ปลา อาหาร และฌาปนกิจ
สำหรับการล้างป่าช้าครั้งแรกในประเทศไทยเกิดขึ้น สมาคมพุทธสมาคมสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา ในปี 2468 หลังเกิดโรคระบาดจนมีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งสมาคมพุทธสมาคมสว่างประทีปธรรมสถานศรีราชา ได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้ชาวจีนที่อพยพมาจากประเทศจีน และพอมีความรู้เรื่องการประกอบพิธี เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งฉะนั้นลักษณะของพิธีจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างพิธีของไทยกับจีน ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทวดาฟ้าดิน การประทับทรงของเทพเจ้า การติดฮู้หรือยันต์ อีกทั้งการสวดมนต์แบบจีน
หากศพใดไม่เน่าเปื่อย ก็จะไม่ขัดกระดูก เพียงแค่ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดร่างเท่านั้น ก่อนจะหาเสื้อผ้าและแป้งมาประพรมร่าง และร่างเหล่านี้หากเป็นชายจะเรียกว่าเทพบุตร ส่วนหญิงจะเรียกนางฟ้า และหากเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงจะเรียกว่ากุมารทอง และกุมารีตามลำดับ ซึ่งหากป่าช้าใดมีศพครบทั้ง 4 ประเภทถือว่าสมบูรณ์ที่สุด
โดยกำหนดพิธีล้างป่าช้า มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ครั้งที่ 2 จะขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 นี้ ณ สถานที่จัดงานล้างป่าช้า ปากทางสุขุมวิท 73 ซอยบ่อนไก่ กิโลเมตรที่ 1 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี