ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “กิตติรัตน์” เปิด Money Expo เชียงใหม่ ครั้งที่ 7 ยาหอมช่วยเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น เชื่อเมื่อมีทุนนำไปสู่การสร้างงาน-สร้างรายได้ ประกาศมั่นใจเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ชี้หนี้สาธารณะยังต่ำลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้อีกเพียบ ยันนโยบายรัฐบาลเพิ่มรายได้ผู้มีรายได้น้อยเป็นการเปลี่ยนสมดุล แจงอนาคตคนกลุ่มนี้มีกำลังจับจ่ายช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้ทุกฝ่ายทั้งรัฐ-เอกชน
วันนี้ (9 พ.ย.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 7 Money Expo Chiangmai 2012 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต โดยมีนายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo นายชูชาติ กีฬาแปง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนจากธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ให้การต้อนรับ
งานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 7 Money Expo Chiangmai 2012 มีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย. 2555 โดยในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Unlimited Future : อนาคตไร้ขีดจำกัด” และมีธนาคาร สถาบันการเงิน รวมทั้งหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงานรวม 33 แห่ง เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินและการลงทุนให้ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งการจัดงานตลอด 6 ครั้งที่ผ่านมามีผู้เข้าชมงานแล้วทั้งสิ้น 330,000 คน และสร้างปริมาณธุรกรรมมูลค่าสูงถึง 71,000 ล้านบาท
นายกิตติรัตน์กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้มีส่วนในการจัดงานนี้ขึ้นจนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นครั้งที่ 7 แล้ว โดยการจัดงานนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลและนิติบุคคลสามารถเข้าถึงการให้บริการทางการเงินได้มากขึ้น สอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการขยายโอกาส ทั้งนี้เมื่อการเข้าถึงเงินทุนเพิ่มมากขึ้นก็จะนำไปสู่การขยายโอกาสทั้งในด้านธุรกิจและการจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา และยุโรปได้ส่งผลให้รูปแบบเศรษฐกิจที่เคยให้ความสำคัญต่อการผลิตเพื่อส่งออกไปยังสองตลาดหลักต้องเปลี่ยนไป
โดยจะเห็นได้ว่าหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยหันมาให้ความสำคัญต่อการสร้างตลาดและกำลังซื้อภายในประเทศมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา แม้ภาคการส่งออกจะไม่โตขึ้นมากนัก แต่ผลจากการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายกิตติรัตน์กล่าวต่อไปว่า ขอยืนยันด้วยความมั่นใจว่าปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศมีความเข้มแข็ง นโยบายการเงินของประเทศคำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลังในระยะยาว ขณะเดียวกันยังเดินหน้าแก้ไขเรื่องที่เคยเป็นปัญหาในอดีต ดังจะเห็นได้จากการจัดการปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศ ที่แม้ในปัจจุบันอาจจะมองว่ายังสูง แต่หากพิจารณาประกอบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศและการเปลี่ยนแปลงของราคาแล้วจะพบว่านอกจากเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วยดีแล้ว ปริมาณหนี้ที่มีอยู่นั้นยังต่ำกว่าระดับหนี้สาธารณะในกรอบที่สามารถชำระได้โดยไม่กระทบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทำให้รัฐยังสามารถมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นได้อีกเพื่อนำเม็ดเงินมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างต่างๆ ภายในประเทศได้อย่างทั่วถึง
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวด้วยว่า นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลนั้นมีขึ้นเพื่อเปลี่ยนสมดุลทางเศรษฐกิจของประเทศและสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว ที่ผ่านมาแม้จะมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยพยายามวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการดำเนินนโยบายโดยยึดหลักประชานิยม แต่ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากการรับจำนำข้าวที่ส่งผลให้ราคาข้าวของไทยเพิ่มขึ้นและสามารถส่งออกได้ในราคาที่ดีที่สุด หรือการขึ้นค่าแรง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยได้รับการช่วยเหลือ รวมทั้งทำให้คนกลุ่มนี้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการจับจ่ายและบริโภคให้เพิ่มขึ้น ซึ่งในระยะยาวจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต รวมทั้งสร้างรายได้ให้รัฐผ่านภาษีทางอ้อมต่างๆ อีกด้วย