อุตรดิตถ์ - วัดดังเมืองลับแลฉาวโฉ่อีกครั้ง เมื่อชาวบ้านและคณะกรรมการวัดกว่า 40 คนรุดร้องเรียนเจ้าคณะอำเภอ-เจ้าคณะตำบลไล่ “เจ้าอาวาสวัดท่าถนน หรือวัดหลวงพ่อเพชร” วัดคู่บ้านคู่เมืองพ้นวัด หลังพบพัวพันกับสีกาและเงินของวัดหาย
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่วัดหมอนไม้ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ได้มีชาวบ้านกว่า 40 คนนำโดยนายปรีชา ภูริลดาพันธ์ และนางบุษกร เย็นใจ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อพระครูเกษม ธรรมลังการ เจ้าคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เจ้าอาวาสวัดหมอนไม้ และพระครูกัลญา กิติวัตร เจ้าคณะตำบลท่าอิฐ เจ้าอาวาสวัดอรัญญิการาม ว่าพระครูสุภัทร เขมคุณ เจ้าอาวาสวัดท่าถนน หรือวัดหลวงพ่อเพชร วัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต
นางบุษกรกล่าวว่า คืนหนึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาเด็กวัดได้มาเรียกชาวบ้านให้ไปดูที่กุฏิเจ้าอาวาส โดยได้เคาะประตูอยู่นานแต่เจ้าอาวาสก็ไม่ยอมเปิดประตู สุดท้ายพบว่ามีผู้หญิงอยู่ข้างในกุฏิกับเจ้าอาวาสสองต่อสอง เจ้าอาวาสบอกว่าผู้หญิงคนดังกล่าวมาขอยืมเงินอย่างเดียวไม่มีอะไรกัน ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและให้เจ้าอาวาสออกจากวัดไปในคืนนั้น
พอรุ่งขึ้นอีกวันพระครูสุภัทร เขมคุณก็กลับมาอยู่ที่วัดเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็มีพระผู้ใหญ่บางรูปมาขอไว้ว่าเรื่องที่แล้วก็ให้แล้วไป ไม่อย่างนั้นก็จะเสียชื่อเสียงของวัด ทำให้เรื่องดังกล่าวเงียบไป
ขณะนี้จากการตรวจสอบพบว่าเงินของทางวัดที่มีรายได้ปีละกว่า 2 ล้านบาทหายไป ซึ่งในช่วงที่เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันบริหารมา 10 ปี ปีละ 2 ล้านหายไป เท่ากับ 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 55 เจ้าอาวาสแจ้งว่าเงินที่เปิดออกจากตู้บริจาคและนำไปเก็บไว้ในกุฏิเจ้าอาวาสหายไปอีก 60,000 บาท, วันที่ 31 กรกฎาคม 55 เงินที่เจ้าอาวาสเก็บไว้ในห้องนอนหายไปประมาณ 800,000 บาท และในช่วงงานตักบาตรเทโวที่ผ่านมา เจ้าอาวาสให้รองเจ้าอาวาสเบิกเงินจำนวน 32,000 บาท โดยบอกว่าจะเอาไปใช้จ่ายในงานตักบาตรเทโว ต่อมาภายหลังกลับไม่ใช้คืนวัด แต่บอกว่าขอเก็บไว้ซื้อข้าวต้มฉันตอนเช้า
ขณะเดียวกัน รองเจ้าอาวาสได้โอนเงินไปให้โรงงานทำวัตถุมงคลเกินไปจำนวน 68,000 บาท โรงงานบอกว่าจะโอนกลับมาให้ทางวัด เมื่อคณะกรรมการเข้าตรวจบัญชีของวัดพบว่าไม่มีเงินโอนเข้า จึงได้สอบถามไปทางโรงงานได้รับการชี้แจงว่าได้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาสไปแล้ว เมื่อคณะกรรมการไปสอบถามพระครูสุภัทร แจ้งว่าขอเก็บไว้ใช้ส่วนตัว
เมื่องานศพที่ผ่านมาเจ้าภาพได้ถวายค่าน้ำค่าไฟให้แก่ทางวัดจำนวน 10,000 บาท พระครูสุภัทรก็ออกใบอนุโมทนาบัตรให้แต่กลับไม่นำเงินมาเข้าบัญชีรับจ่ายของวัด รวมถึงเงินค่ามหรสพลิเกที่คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราษภัฏอุตรดิตถ์นำมาถวายให้ทางวัดจำนวน 22,000 บาท พระครูสุภัทรก็รับไว้และไม่ส่งเข้าบัญชีของทางวัดแต่อย่างใด
ด้านพระครูกัลญา กิติวัตร เจ้าคณะตำบลท่าอิฐ เจ้าอาวาสวัดอรัญญิการาม กล่าวว่า เรื่องนี้คณะสงฆ์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ผู้ร้องยื่นหนังสือเป็นหลักฐานขึ้นมา และจะได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากจะสั่งปลดเลยนั้นคงจะไม่ได้ เพราะผู้ที่แต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัด การสั่งปลดก็จะต้องเป็นเจ้าคณะจังหวัดเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นขั้นตอน