รมว.ทรัพยากรฯลงพื้นที่อ.โพนนาแก้ว

สกลนคร-รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร วางกรอบแก้ปัญหาภัยแล้ง ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร พร้อมจัดชุดเป่าล้างทำความสะอาดบ่อน้ำบาดาล ชุดซ่อมระบบประปา เครื่องสูบน้ำ ช่วยเหลือเบื้องต้น

ที่บ.โพนแคใหญ่ ต.นาตงวัฒนา อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่จังหวัดสกลนคร โดยมีนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทยเขต 2 , นายบุญส่ง เตชะมณีสถิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมให้ข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้ง

สำหรับ อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร เป็น 1 ใน 18 อำเภอของจังหวัดสกลนครที่ประสบภัยแล้ง มีนาข้าวเสียหายไปแล้วกว่า 3 หมื่นไร่ จนต้องประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ(ภัยแล้ง) ร่วมกับอำเภออื่นอีก 15 อำเภอ รวมพื้นที่นาข้าวเสียหายแล้วถึงกว่า 3 แสนไร่ ทางจังหวัดได้เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน โดยระดมเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่สูบน้ำเข้านาข้าวเกษตรกร แต่ภัยแล้งได้ขยายวงกว้างออกไปจำนวนมากจนรับมือไม่อยู่

นายปรีชาเร่ง สมบูรณ์สุข กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงสั่งให้ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง กระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีและน้ำอุปโภค บริโภค จึงให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องจักรเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้ประชาชน

ทั้งขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล ชุดเป่าล้างทำความสะอาดบ่อน้ำบาดาล ชุดซ่อมระบบประปา เครื่องสูบน้ำ ชุดสำรวจธรณีฟิสิกส์ ชุดปรับปรุงคุณภาพน้ำเคลื่อนที่ และรถบรรทุกน้ำเข้าทำงาน สำหรับพื้นที่โพนนาแก้ว รมต.ได้สั่งการให้ล้างท่อบาดาล ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาภัยแล้งลงได้

สำหรับการเดินทางตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้งครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะ มีกำหนดตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยเจาะบ่อน้ำบาดาล ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จำนวน 3 จุด ที่สกลนครประกอบด้วย ที่บ้านโพนแคใหญ่ บ้านดอนดู่ ตำบลนาตงวัฒนา อำเภอโพนนาแก้ว และบ้านต้าย ตำบลบ้านต้าย อำเภอสว่างแดนดิน

นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการร่วมกับแหล่งน้ำผิวดิน และการเจาะหาแหล่งน้ำบาดาล โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา สำรวจพื้นที่ทั้งหมดในประเทศไทยว่าตรงไหนมีน้ำบาดาลปริมาณเพียงพอ

ขณะนี้รอการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) อีก 2,000 กว่าแห่ง เมื่อเจาะได้น้ำบาดาลแล้ว จะทำเป็นระบบเพื่อกระจายน้ำไปสู่ภาคการเกษตร และทำต่อเนื่องจากปี 2555-2557 จะทำให้ประชาชนไม่ขาดน้ำอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน

ขณะที่เกษตรกรต่างโอดครวญถึงปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นว่าไม่เคยพบปัญหาฝนทิ้งช่วงมายาวนานขนาดนี้ในรอบ 50 ปี หวังจะปลูกข้าวไว้ขายและไว้กินต่างผิดหวัง ส่วนการช่วยเหลือของรัฐ แม้จะไม่ทันต่อความเสียหายที่เกิดแต่มาช้ายังดีกว่าไม่มา