กาญจนบุรี - ปชป.ลุยเปิดเวทีประชาชน เดินหน้าหาความจริงที่เมืองกาญจน์ พร้อมทีมงานสายล่อฟ้า โจมตีรัฐบาลนอมินี นช.แม้ว ถามว่าคนที่จะแจ้งความตนคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มอบอำนาจให้ทนายแจ้งความ แน่จริงทำไมไม่มาแจ้งความด้วยตนเอง มอบอำนาจให้คนอื่นทำไม
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (27 ต.ค.) ที่อาคารข้างโรงยิมภายในโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้มีการจัดเวทีประชาชน เดินหน้าหาความจริง ซึ่งจัดโดยพรรคประชาธิปัตย์ โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการของ นปช. และชายชุดดำ ได้รับความสนใจจากประชาชนชาว จ.กาญจนบุรี ต่างทยอยเดินทางมาร่วมงานและรับฟังการปราศรัยของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ราว 2 พันคน โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ระดมแกนนำคนสำคัญทยอยขึ้นเวทีปราศรัย นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม นายอาคม เอ่งฉ้วน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายกษิต ภิรมย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ พร้อมทีมงานรายการสายล่อฟ้า นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายเทพไท เสนพงศ์ นายศิริโชค โสภา โดยมี ส.ส.ใน จ.กาญจนบุรี ประกอบด้วย นายประชา โพธิพิพิธ ส.ส.เขต 4 ในฐานะหัวหน้า ส.ส.ประธิปัตย์ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.เขต 5 นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ส.ส.เขต 2 นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จากจังหวัดภาคกลาง เดินทางมาร่วมการปราศรัยด้วยหลายคน โดย ส.ส.ทุกคนสวมเสื้อยืดสีขาวเขียนภาษบาลีว่า ลจุจํ เว อมตาวาจา แปลว่า ความจริงไม่มีวันตาย
โดยก่อนการปราศรัย เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดจาก กก.ตชด.13 ค่ายพระพุทธยอดฟ้า จ.กาญจนบุรี ได้มาตรวจหาวัตถุระเบิดรอบๆ บริเวณจัดงาน และรอบโรงเรียน ส่วนภายในงาน ทาง พ.ต.อ.ธนู ฮวบประเสริฐ ผกก.สภ.ท่าม่วง พร้อมด้วย พ.ต.ต.กาจภณ ปฐมัง สว.กก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี นำเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.ท่าม่วง และ กก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี ทั้งใน และนอกเครื่องแบบกว่า 30 นาย มาคอยดูแลความเรียบร้อยภายในงาน
โดย นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ได้ขึ้นพูดปราศรัยกล่าวโจมตีการทำงานของ DSI โดยกล่าวว่า ที่ผ่าน DSI พยายามตั้งธงให้มีการดำเนินคดีต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ได้ ในเรื่องการสลายการชุมชนของกลุ่มคนเสื้อแดง และกล่าวในตอนจบว่า ฝาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่าหนีไปไหนเจอกันแน่
ต่อมา นายอาคม เอ่งฉ้วน ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีก่อนว่า วันนี้เราทำเวทีให้ความจริงแก่ประชาชน ไม่ใช่เวลาขับไล่รัฐบาล แต่เวทีไล่รัฐบาลคือวันพรุ่งนี้ที่สนามม้านางเลิ้ง ซึ่งขอให้ประชาชนชาวกาญจนบุรีไปรวมตัวกันมากๆ ที่นั่น
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ขึ้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลท้าทายว่าทำไมฝ่ายค้านไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสียที แต่พอฝ่ายค้านระบุว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ 31 ต.ค.55 ปรากฏว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เรียกว่าที่ รมต. ใหม่มากรอกข้อมูล เพื่อปรับ ครม. เป็นการปรับ ครม.หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้ขึ้นมาพูดว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมของประเทศไทยเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 24 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็น พ.ศ.2490 พ.ศ.2500 พ.ศ.2501 เหตุการณ์ 14 ตุลา เหตุการณ์ 17 พฤษภาคม ล้วนแล้วมีการนิรโทษกรรมเนื่องจากเป็นความขัดแย้งความรุนแรงทางการเมือง แต่ในครั้งนี้ จะเป็นการนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลคนเดียวเราคงยอมไม่ได้ และจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
จากนั้น เวลา 19.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านได้ขึ้นเวทีแนะนำ ส.ส. และ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต นำโดย นายประชา โพธิพิพิธ ส.ส.เขต 4 ในฐานะหัวหน้า ส.ส.ประธิปัตย์ นายอรรถพล โพธิพิพิธ อดีต ส.ส.เขต 1 นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ส.ส.เขต 2 นายปารเมศ โพธารากุล อดีต ส.ส.เขต 3 และนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.เขต 5 สุดท้ายคือ นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จ.กาญจนบุรี
โดยตอนนี้จะติดตามสถานการณ์การรับจำนำข้าวอย่างใกล้ชิดอยู่ ผมถามว่าคนที่จะแจ้งความตนคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มอบอำนาจให้ทนายแจ้งความ แน่จริงทำไมไม่มาแจ้งความด้วยตนเอง มอบอำนาจให้คนอื่นทำไม และการมอบอำนาจจริงหรือไม่ การมอบอำนาจต้องมีที่อยู่เป็นหลักฐานแหล่งแน่นอน แต่นี่เป็นนักโทษหนีคดี หากมีการออกใบมอบอำนาจจริงก็ต้องรู้ว่าอยู่ไหน ทำไมตำรวจไม่จับ หากเป็นแบบนั้นตำรวจจะต้องโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างแน่นอน ถูกศาลตัดสินคดีแล้วทำไมหนีไปไหน อย่าหนีไปไหนต้องกลับมา นี่คือ 2 มาตรฐานที่เห็นได้ชัดเจน มีการสร้างความสับสนไม่รู้จบ เป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียในเหตุการณ์ปี 53 ออกมาปฏิเสธไม่มีชายชุดดำเป็นนิยาย สุดท้ายพอไปพิสูจน์ชัดเจนปฏิเสธไม่ได้ มีความรับผิดชอบไหมครับที่มีชายชุดดำ และตำหนิการทำงานของตำรวจ และ DSI ชันสูตรให้ดีๆ โดยนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีจนถึงเวลา 20.10 น.จึงแล้วเสร็จ
