ลำปาง - อำเภอเมืองลำปาง เริ่มโครงการดีชี้เป้าเข็มทิศชีวิต ลงแขกช่วยสร้างบ้าน-ซื้อวัวให้ครอบครัวยากไร้ แถมเป็นใบ้
วันนี้ (26 ต.ค.) นายสมชาย อำพันกาญจน์ ปลัดอาวุโส พร้อมด้วย นายพรนิมิตร สายเทพ ปลัดอำเภอเมืองลำปาง และนายสมภพ สุวรรณปัญญา เจ้าหน้าที่พัฒนาการอำเภอเมืองลำปาง และคณะ ได้ลงติดตามความสำเร็จของโครงการ “ร่วมแรงแข็งขัน ลงแขกฮ่วมกัน แปงบ้านแปงจอง จ่วยคนบ้านเฮา” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการชี้เป้าชีวิตแบบบูรณาการ อำเภอเมืองลำปาง ประจำปี 2555
โครงการดังกล่าวได้จัดทำขึ้นที่ตำบลบุญนาคพัฒนา อ.เมือง จ.ลำปาง นายอัสกร โพธิ กำนันตำบลบุญนาคพัฒนา และนายพีระพงษ์ ดวงชิน ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 และชาวบ้านแลง ต.บุญนาคพัฒนา อ.เมือง จ.ลำปาง ได้ร่วมกันคัดเลือกบ้านของนายผล กาฟัง เลขที่ 95 เป็นบ้านนำร่องของโครงการ
นายอัสกร และนายพีระพงษ์ เปิดเผยร่วมกันว่า ทางหมู่บ้านได้มีการประชุม และพิจารณากันคัดเลือกบ้านของ นายผล กาฟัง ซึ่งมีฐานะยากจนไม่มีที่อยู่เป็นของตนเอง สภาพบ้านเดิมอาศัยอยู่เป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูงไม่ถาวร ฝาบ้านใช้ไม้ไผ่ ปลูกในพื้นที่สาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน
ที่สำคัญ ครอบครัวของนายผล พ่อแม่ได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือพี่น้องด้วยกัน 4 คน คือ นายผล นายศรีสุข น.ส.กุ้ง และนายสุเจตน์ กาฟัง แต่ 3 คนเป็นใบ้ มีเพียงนายผลเท่านั้นที่เป็นคนปกติ ทุกคนไม่มีการศึกษา แต่มีฝีมือ และเป็นคนขยันทำมาหากิน
น.ส.กุ้ง และนายสุเจตน์ จะรับหมวกคาวบอยมาทำได้ใบละ 4-5 บาท รับสานหญ้าคาได้อันละ 2 บาท เมื่อว่างนายสุเจตน์ ก็มักจะออกไปหาปลา หรือสัตว์น้ำมาขายในหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านก็จะรับซื้อในราคาสูงกว่าคนทั่วไปเพื่อเป็นการช่วยเหลือ ส่วนพี่ชายอีกสองคนก็จะเข้าป่าหาของป่ามาขาย และรับจ้างทั่วไปเป็นประจำไม่หยุด และคนในครอบครัวจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข และชอบช่วยเหลืองานของหมู่บ้านมาโดยตลอด
หมู่บ้านจึงได้ประสานหน่วยงานราชการ และชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาช่วยในการซ่อมแซมบ้านให้แก่ครอบครัวนี้ เนื่องจากบ้านเดิมมีสภาพผุพังไม่มั่นคง ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาได้มีคนขึ้นไปจะทำมิดีมิร้ายกับ น.ส.กุ้ง ที่เป็นใบ้ และอยู่บ้านตามลำพัง เนื่องจากพี่น้องออกไปทำงานกันหมด
ชาวบ้านสงสารจึงได้ลงแขกออกเงินออกแรงซ่อมบ้านให้ใหม่ โดยมีหลายหน่วยงานร่วมบริจาค สนับสนุนวัสดุในการซ่อมแซมบ้านให้ รวมถึงร่วมบริจาคเงินซื้อลูกวัวเพศเมียให้อีก 1 ตัว เพื่อให้ น.ส.กุ้ง นายสุเจตน์ และครอบครัวเลี้ยงเป็นอาชีพต่อไป ซึ่งสร้างความดีใจให้แก่คนทั้ง 4 เป็นอย่างมาก
หมู่บ้านเองก็เห็นว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นความเข้มแข็งของคนในหมู่บ้านที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน และส่งเสริมคนดีให้อยู่ในสังคมได้ทัดเทียมกับคนอื่น โดยไม่ต้องรอพึ่งเงินของทางราชการเพียงอย่างเดียว