ฉะเชิงเทรา - ภูมิปัญญาหลวงพ่อวัดสามแยก เมืองแปดริ้ว เหนือความคิดนักการเมืองในกรุง หลังตั้งกระสอบทรายเสริมคันดินบล็อกน้ำ ก่อนสูบออกช่วยชาวบ้านใช้เป็นจุดอพยพหนีอุทกภัย เผยเป็นวิธีการเอาอยู่ของจริงหลังรอดพ้นน้ำท่วมมาได้ถึง 2 ครั้งซ้อน และถือเป็นศาสนสถานเพียงหนึ่งเดียวในพื้นที่ที่รอดพ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วม
วันนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม หรือวัดสามแยก ตั้งอยู่เลขที่ 123 ม.2 ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่ถูกใช้เป็นสถานที่รองรับในการอพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพียงแห่งเดียวในตำบลบางกระเจ็ด และพื้นที่ข้างเคียงที่รอดพ้นจากการถูกน้ำท่วม อีกทั้งชาวบ้านยังได้ใช้ประโยชน์จากสถานที่แห่งนี้ในการขนข้าวของทรัพย์สิน และรถยนต์ยานพาหนะต่างๆ นำเข้ามาจอดหนีน้ำ ขณะที่ภายในศาลาการเปรียญยังเปิดให้ประชาชนได้ใช้เป็นสถานที่พักอาศัยของประชาชนที่ถูกน้ำท่วม จนไม่มีที่อยู่อาศัยเข้าหลับนอนอีกด้วย
จากการสอบถามถึงความสำเร็จในการตั้งรับสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้จากพระอธิการกิติศักดิ์ อินทโชโต เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม (วัดสามแยก) กล่าวว่า ในการตั้งรับสถานการณ์น้ำท่วมของทางวัดสามแยกที่ประสบผลสำเร็จมาได้ถึง 2 ปีซ้อนนั้น หลังจากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนตั้งแต่ในอดีตนั้น ทางวัดได้ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว
จากนั้น จึงได้มีแนวคิดว่าจะหาทางป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมวัด และช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างไร เพราะพื้นที่ถูกใช้เป็นทุ่งรับน้ำ ที่ระบายออกมาจากปากคลองแสนแสบ รวมถึงคลอง 6 วาสายล่าง จึงได้ร่วมกับพระเณร พร้อมด้วยชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกรอกกระสอบทราย และตั้งคันดินทำเป็นกำแพงบล็อกน้ำพร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากภายในบริเวณวัดเตรียมความพร้อมไว้อยู่ตลอดเวลา จนสามารถผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมมาได้ทั้ง 2 ปี ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว และวัดยังถูกใช้เป็นสถานที่อพยพของชาวบ้านใช้เก็บข้าวของหนีน้ำเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และใช้เป็นสถานที่จอดเก็บยานพาหนะที่หาที่จอดได้ยากขณะพื้นที่ภายนอกถูกน้ำท่วม
และในปีนี้ ทางวัดยังได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะตั้งรับน้ำที่กำลังไหลลงมาไว้แล้วเช่นกัน และเชื่อว่าจะรอดพ้นจากสถานการณ์ไปได้ด้วยดี หากดูจากปริมาณน้ำแล้วถือว่ายังน้อยกว่าปริมาณน้ำในปีที่แล้วมาก จึงเชื่อว่าการตั้งรับน้ำในปีนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเคยผ่านสถานการณ์น้ำท่วมที่หนักกว่านี้ก็ยังผ่านพ้นมาได้เมื่อปีก่อน
โดยขณะนี้ ได้เริ่มมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมบ้านเข้ามาพักอาศัยอยู่ภายในวัดบ้างแล้วจำนวน 3 ครอบครัว ซึ่งมีทั้งเด็ก และคนชรา จำนวน 15 คน โดยศาลาหลังใหญ่ของทางวัดนั้นสามารถรองรับประชาชน หรือผู้อพยพให้เข้ามาพักอาศัยได้ไม่น้อยกว่า 1 พันคน ซึ่งหากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เพิ่มหนักขึ้นมากกว่านี้อีก ทางวัดที่นี่ต้องการความช่วยเหลือเพียงข้าวสารอาหารแห้งจากภายนอกเพื่อนำมาให้ประชาชนใช้ในการประกอบอาหารอยู่ภายในวัดเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมไปได้เท่านั้น
