สกลนคร - ชาวสกลนครเจอวิกฤตแล้งหนักในรอบ 16 ปีชาวนาวอนรัฐทำฝนเทียมเลี้ยงข้าวนาปีให้ออกรวง ปภ.เขต 7 เร่งให้ความช่วยเหลือ จัดรถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายประชาชนที่เดือดร้อน ด้านโครงการชลประทานเขื่อนน้ำอูน แจ้งปริมาณน้ำเหลือน้อยแค่ 48% เตรียมงดจ่ายน้ำสิ้นเดือนตุลาคมนี้ แนะชาวอย่าเสี่ยงทำนาปรัง
นายวีระศักดิ์ วิเชียรแสน รักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร (ปภ.เขต 7) เปิดเผยว่า ฝนทิ้งช่วงมานานนับเดือนทำให้พื้นที่เกษตรใน จ.สกลนคร โดยเฉพาะอำเภอโพนนาแก้ว, อำเภอโคกศรีสุพรรณ, อำเภอเมือง และอำเภอใกล้เคียง ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งรุนแรง
โดย ปภ.เขต 7 รับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดสกลนคร นครพนม และมุกดาหารได้นำเครื่องสูบน้ำระยะไกล พร้อมด้วยรถบรรทุกน้ำจำนวน 15 คันที่มีอยู่ ออกไปให้ความช่วยเหลือบริการประชาชนตามสถานที่หมู่บ้าน, ตำบล, อำเภอต่างๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนทุกวัน ทั้งพยายามเข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านให้ทั่วถึง คาดว่าพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนน่าจะขยายวงกว้างรวมไปจังหวัดมุกดาหารและนครพนมด้วย
ขณะที่ นายหนูพิศ คำสงค์ เกษตรกรชาวบ้านใหญ่นายอ ต.งิ้วด่อน อ.เมืองสกลนคร กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ถือว่ามีความรุนแรงหนักสุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ซึ่งครั้งนั้นยังไม่หนักเท่าปีนี้ ไม่รู้ว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้หรือไม่ เพราะต้นข้าวที่ออกรวงแห้งเหี่ยวกำลังจะยืนต้นตาย จึงต้องเร่งสูบน้ำจากหนองน้ำเข้าสู่นาข้าวจากแปลงหนึ่งต่อไปยังอีกแปลงหนึ่งเฉลี่ยกันไป น้ำที่มีอยู่ก็แห้งใกล้หมดแล้ว หากไม่มีฝนตกลงมาในช่วงนี้ อาจทำให้นาข้าวเสียหายทั้งหมด ฝากขอหน่วยงานรัฐช่วยทำฝนหลวงช่วยชาวนาให้พ้นวิกฤตครั้งนี้ด้วย
ด้านนายวรวิทย์ สุภาอ้วน หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทาน จังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ปีนี้ฝนน้อยกว่าปกติและเกิดภาวะแล้งเร็ว โดยน้ำในเขื่อนต่างๆ ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กทั้ง 33 แห่ง เริ่มลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จนกระทบต่อพื้นที่เกษตรทำข้าวนาปี เริ่มมีพื้นที่เสียหายแล้วหลายพันไร่
สำหรับเขื่อนน้ำอูน ปัจจุบันระดับมีน้ำกักเก็บอยู่ที่ร้อยละ 48% ซึ่งน้อยกว่าห้วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ที่มีมีระดับน้ำกักเก็บมากถึง 90% จากปริมาณน้ำที่เหลือน้อยกว่าปกติ เกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อการทำเกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้ง เช่น การทำนาปรัง การปลูกพืชไร่ พืชผัก และพืชผลอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ โครงการชลประทานเขื่อนน้ำอูน จะงดจ่ายน้ำตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2555 นี้ เพื่อวางแผนและร่วมประชุมแผนคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในการปลูกพืชฤดูแล้งกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ เพราะต้องจัดการน้ำที่เหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะเริ่มปล่อยน้ำอีกครั้งในวันที่ 1 ธันวาคม 2555 ไปจนถึง 15 เมษายน 2556 และฝากเกษตรกรว่าไม่ควรเสี่ยงทำนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำมีน้อย และประชาชนต้องใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้น้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคไปจนถึงฤดูฝนปีหน้า