ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภูธรภาค 5 จับ 2 วายร้ายแก๊งโจรปล้นทรัพย์ หลังก่อเหตุอาละวาดชนแล้วปล้นบนถนนสาย 108 เชียงใหม่-ฮอด-แม่สะเรียง พบพฤติการณ์เลือกเหยื่อที่มาคนเดียว-ผู้หญิงที่ขับรถผ่านเส้นทาง ก่อนจะขับรถเฉี่ยวชนแล้วกรรโชกเรียกค่าเสียหาย สุดแสบหากเหยื่อยอมจ่ายก็รอดตัวแต่ถ้าไม่จะโดนทำร้ายก่อนปล้นซ้ำ
วันนี้ (9 ต.ค.55) พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 นำตัวนาย สุริยา แน่นอุดร อายุ 33 ปี และนายปิยะพงษ์ ยอดเรือน อายุ 29 ปี น้องภรรยาของนายสุริยา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณถนนหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-ฮอด-แม่สะเรียง ช่วงบริเวณอุทยานแห่งชาติออบหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ หลังจากทั้งสองถูกจับกุมในข้อหาจี้ชิงทรัพย์ประชาชนที่เดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว
กรณีนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ใช้เส้นดังกล่าวว่า มีคนร้ายก่อเหตุขับรถยนต์ปาดหน้าก่อนจะทำการจี้ชิงทรัพย์จากประชาชนที่เดินทางบนทางหลวงหมายเลข 108 โดยที่ผ่านมามีผู้เสียหายบางรายถูกจี้ชิทรัพย์ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากทรัพย์สินที่ถูกจี้มีจำนวนไม่มากนัก ประกอบกับสถานีตำรวจตั้งอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ทำให้ที่ผ่านมาไม่มีเจ้าทุกข์รายใดเข้าแจ้งความ
พล.ต.ต.ชำนาญเปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ จนพบผู้เสียหายจำนวน 3 ราย และสืบทราบว่าคนร้ายกลุ่มดังกล่าวได้เริ่มก่อเหตุตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยจะขับรถตระเวนหาเหยื่อตามปั๊มน้ำมันในพื้นที่ อ.ดอยหล่อ อ.ฮอดและ อ.จอมทอง ด้วยการเลือกสังเกตผู้ที่ขับรถผ่านเส้นทางดังกล่าว โดยเฉพาะผู้หญิงหรือผู้ที่ขับรถมาคนเดียว ก่อนจะจดป้ายทะเบียนรถผู้เสียหายไว้ จากนั้นจะโทรประสานรถร่วมขบวนการซึ่งทำหน้าที่ระบุตำแหน่งของเหยื่อ
เมื่อรถของเหยื่อมาถึงถนนสายฮอด-แม่สะเรียงซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ กลุ่มคนร้ายก็จะขับรถปาดหน้ารถของเหยื่อและแกล้งเชี่ยวชนเพื่อให้เหยื่อลงจากรถ จากนั้นจะต่อรองกับเหยื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายในราคาตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท ซึ่งในระหว่างที่เจรจานั้นจะมีเพื่อร่วมขบวนการขับรถตามมาทำทีเป็นดูเหตุการณ์และมาช่วยเกลี้ยกล่อมหรือข่มขู่ให้เหยื่อยอมรับผิดและชดใช้ค่าเสียหาย หากเหยื่อยินยอมชดใช้ก็จะปล่อยตัวไป แต่หากเหยื่อรายใดไม่ยินยอมชดใช้ กลุ่มคนร้ายก็จะหันมาข่มขู่และทำร้ายร่างกายก่อนที่จะปล้นเอาทรัพย์สินมีค่าแล้วหลบหนีไป
พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาทั้งสองร้ายให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วกว่า 10 ครั้ง โดยจะเลือกเหยื่อที่ขับรถมาคนเดียวหรือสองคน และมักจะลงมือในช่วงใกล้ค่ำ
นอกจากนี้ยังระบุว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก 1 ราย คือนายปิยะ มินเทน ที่อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับแล้ว และจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป