พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ 2 มือปืนที่ก่อเหตุยิงกันหน้าสถานบันเทิงเวียงจันทร์ เมื่อ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
วันนี้ (1 ต.ค.55) ผู้สื่อข่าวความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุยิงกันที่หน้าสถานบันเทิงเวียงจันทร์ ม.1 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาทำให้ น.ส.สุดาพร บุญจันทร์ อายุ 19 ปีที่มาเที่ยวสถานบันเทิงถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิต โดยมีการใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้กันหลายสิบนัดทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 คน กระสุนปืนยังไปถูกรถนักท่องเที่ยวและคู่กรณีอีกหลายคันนั้น
ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุะยา ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อออกหมายจับผู้ที่มีพยานระบุเห็นเป็นผู้ใช้อาวุธปืนจำนวน 2 คน คือ นายตูน ทวีศิลป์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/17 ม.1 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา และนายสุวิรัตน์ ปลดปลิด อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.5 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันฆ่า และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามอาการนายทนงศักดิ์ สองสวัสดิ์ อายุ 28 ปีบ้านเลขที่ 145 ม.1 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา แฟนของผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกยิงที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บ โดยนายทนงศักดิ์ นอนพักรักษตัวอยู่ที่ชั้น 2 ตึกอายุรกรรม รพ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนางชะออน พากเพียร อายุ 51 ปีมารดานั่งเฝ้าดูแลอาการอยู่ข้างๆ พบว่านายทนงศักดิ์ มีอาการดีขึ้น มีบาดแผลจากการถูกกระสุนปืนยิงถากที่บริเวณหน้าผากและมีรอยฟกช้ำตามใบหน้าร่างกายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่โหนกแก้ม ยังมีบาดแผลเนื่องจากโหนกแก้มแตก
นายทนงศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพรับจ้างก่อสร้างและทำนาอยู่ที่บ้าน อ.วังน้อย และอยู่กินกับผู้ตายที่บ้านเดียวกัน และไม่เคยมาเที่ยวสถานบันเทิงดังกล่าว วันเกิดเหตุแฟนสาวกับเพื่อนๆ อยากดูคอนเสิร์ตจึงได้ชวนกันมาดู โดยอาศัยรถของเพื่อนนั่งกันมาหลายคน หลังจากที่คอนเสิร์ตเลิกแล้วเวลาประมาณ 02.00 น. แฟนกับเพื่อนๆ เดินนำหน้าออกมาก่อน ตนเดินตามออกมาเป็นคนสุดท้าย ปรากฎว่า มีกลุ่มวัยรุ่นที่ตนไม่รู้จักและไม่ได้มีเรื่องด้วย ตรงเข้ามาชกและรุมทำร้าย จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน
ต่อมาแฟนพยายามที่จะวิ่งเข้ามาช่วย จึงถูกยิงเสียชีวิต ตนยืนยันว่าตนและแฟนไม่ได้เป็นคนลงมือก่อน และยืนยันว่าตนและแฟนไม่มีปืน จึงอยากที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากตอนนี้หลายคนเข้าใจว่าตนและแฟนเป็นคนต้นเรื่องทำให้เกิดเหตุ อยากขอความยุติธรรม และเกรงว่าแฟนจะตายฟรี ซึ่งขณะนี้ทางพ่อแม่แฟนได้รับศพไป จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทำการฌาปนกิจแล้ว
นางชะออน แม่ของนายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ลูกสะใภ้เป็นคนเรียบร้อยและนิสัยดีไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร และไม่เคยมีอาวุธปืน ไม่รู้ว่าใครบอกว่าลูกสะใภ้ของตนหรือผู้ตายเป็นคนยิงก่อน อยากขอความเป็นธรรมด้วย
ด้าน นพ.ณรฐ อัศวเกษมณี แพทย์ที่รักษาเปิดเผยว่า อาการทั่วไปของนายทนงศักดิ์ ดีขึ้นมาก มีเพียงรอยฟกช้ำทั่วไป ตอนนี้รอเพียงการผ่าตัดที่โหนกแก้ว ซึ่งแตกเท่านั้น
ทางด้าน พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เพชรกำเนิด รอง ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าและมีความชัดเจนในเรื่องของกลุ่มผู้ก่อเหตุ คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องมาก่อน
วันนี้ (1 ต.ค.55) ผู้สื่อข่าวความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุยิงกันที่หน้าสถานบันเทิงเวียงจันทร์ ม.1 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาทำให้ น.ส.สุดาพร บุญจันทร์ อายุ 19 ปีที่มาเที่ยวสถานบันเทิงถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิต โดยมีการใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้กันหลายสิบนัดทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 คน กระสุนปืนยังไปถูกรถนักท่องเที่ยวและคู่กรณีอีกหลายคันนั้น
ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุะยา ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อออกหมายจับผู้ที่มีพยานระบุเห็นเป็นผู้ใช้อาวุธปืนจำนวน 2 คน คือ นายตูน ทวีศิลป์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/17 ม.1 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา และนายสุวิรัตน์ ปลดปลิด อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.5 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันฆ่า และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามอาการนายทนงศักดิ์ สองสวัสดิ์ อายุ 28 ปีบ้านเลขที่ 145 ม.1 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา แฟนของผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกยิงที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บ โดยนายทนงศักดิ์ นอนพักรักษตัวอยู่ที่ชั้น 2 ตึกอายุรกรรม รพ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนางชะออน พากเพียร อายุ 51 ปีมารดานั่งเฝ้าดูแลอาการอยู่ข้างๆ พบว่านายทนงศักดิ์ มีอาการดีขึ้น มีบาดแผลจากการถูกกระสุนปืนยิงถากที่บริเวณหน้าผากและมีรอยฟกช้ำตามใบหน้าร่างกายหลายแห่ง โดยเฉพาะที่โหนกแก้ม ยังมีบาดแผลเนื่องจากโหนกแก้มแตก
นายทนงศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพรับจ้างก่อสร้างและทำนาอยู่ที่บ้าน อ.วังน้อย และอยู่กินกับผู้ตายที่บ้านเดียวกัน และไม่เคยมาเที่ยวสถานบันเทิงดังกล่าว วันเกิดเหตุแฟนสาวกับเพื่อนๆ อยากดูคอนเสิร์ตจึงได้ชวนกันมาดู โดยอาศัยรถของเพื่อนนั่งกันมาหลายคน หลังจากที่คอนเสิร์ตเลิกแล้วเวลาประมาณ 02.00 น. แฟนกับเพื่อนๆ เดินนำหน้าออกมาก่อน ตนเดินตามออกมาเป็นคนสุดท้าย ปรากฎว่า มีกลุ่มวัยรุ่นที่ตนไม่รู้จักและไม่ได้มีเรื่องด้วย ตรงเข้ามาชกและรุมทำร้าย จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน
ต่อมาแฟนพยายามที่จะวิ่งเข้ามาช่วย จึงถูกยิงเสียชีวิต ตนยืนยันว่าตนและแฟนไม่ได้เป็นคนลงมือก่อน และยืนยันว่าตนและแฟนไม่มีปืน จึงอยากที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากตอนนี้หลายคนเข้าใจว่าตนและแฟนเป็นคนต้นเรื่องทำให้เกิดเหตุ อยากขอความยุติธรรม และเกรงว่าแฟนจะตายฟรี ซึ่งขณะนี้ทางพ่อแม่แฟนได้รับศพไป จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทำการฌาปนกิจแล้ว
นางชะออน แม่ของนายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ลูกสะใภ้เป็นคนเรียบร้อยและนิสัยดีไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร และไม่เคยมีอาวุธปืน ไม่รู้ว่าใครบอกว่าลูกสะใภ้ของตนหรือผู้ตายเป็นคนยิงก่อน อยากขอความเป็นธรรมด้วย
ด้าน นพ.ณรฐ อัศวเกษมณี แพทย์ที่รักษาเปิดเผยว่า อาการทั่วไปของนายทนงศักดิ์ ดีขึ้นมาก มีเพียงรอยฟกช้ำทั่วไป ตอนนี้รอเพียงการผ่าตัดที่โหนกแก้ว ซึ่งแตกเท่านั้น
ทางด้าน พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เพชรกำเนิด รอง ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าและมีความชัดเจนในเรื่องของกลุ่มผู้ก่อเหตุ คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องมาก่อน
