เพชรบุรี - ศาลจังหวัดเพชรบุรีไม่ให้ประกันตัว “พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์” ผู้ต้องหา และผู้ต้องสงสัยคดีอุ้มฆ่า และอำพรางศพ 2 สามีภรรยา ที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปี จนมีการขุดค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์ 3 โครงในพื้นที่ไร่ของ “หมอตำรวจ” เผย “น.ส.วิลสา จันทรบัญชร” ภรรยาหมอตำรวจติดต่อมอบตัวกับตำรวจแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยวจนทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ และลักทรัพย์ หรือลักของโจร และเป็นผู้ต้องสงสัยคดีอุ้มฆ่าและอำพรางศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยา ที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปี จนมีการขุดค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์ 3 โครงในพื้นที่ไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง มาขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (24 ก.ย.) ว่า ต่อมา เมื่อเวลา 11.00 น.นายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อของนายสมารถ นุ่มจุ้ย ได้เข้ายื่นคำร้องคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหา
โดยในคำร้องคัดค้าน นายสว่าง ได้อ้างตนเป็นผู้เสียหายคดีนี้ สรุปคำร้องคัดค้านได้ดังนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2552 นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมรถกระบะโตโยต้าไทเกอร์ สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 5960 เพชรบุรี ต่อมา วันที่ 15 กันยายน 2555 ได้พบรถกระบะโตโยต้าไทเกอร์คันดังกล่าวที่บ้าน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี
โดยนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เป็นผู้ชี้เบาะแส ทั้งตนยังทราบจากนายสุเทพว่า นายสามารถ และ น.ส.อรษา เสียชีวิตไปแล้วเมื่อกว่า 3 ปีก่อน โดยถูก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะทั้ง 2 คน และนำศพทั้ง 2 ไปฝังไว้ในไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
ต่อมา ระหว่างวันที่ 20-22 ก.ย.2555 มีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ 3 ศพ ที่ไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ โดย 1 ในจำนวนโครงกระดูกมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นโครงกระดูกศพของนายสามารถ นุ่มจุ้ย เพราะมีเสื้อกีฬาสีน้ำเงิน และกางเกงขาสั้นเจเจ อยู่กับโครงกระดูกศพดังกล่าว ทั้งยังพบว่าฟันของศพหลอ 1 ซี่ ซึ่งตน และครอบครัวมั่นใจว่าเป็นศพของนายสามารถ
คำร้องคัดค้านยังระบุต่ออีกว่า แม้การฝากขัง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในวันนี้จะฝากขังในคดีหน่วงเหนี่ยวกักขัง ลักทรัพย์ และรับซื้อของโจร แต่เมื่อมีการขุดพบศพบุตรชายของตนดังกล่าว ตนได้ไปแจ้งความเพิ่มเติมที่ สภ.ท่าไม้รวก ท้องที่เกิดเหตุ กล่าวหา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฆ่าบุตรชายตนโดยเจตนา ซ่อนเร้นอำพรางศพโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกำลังรอการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยที่ตำรวจยังมิได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาอำพรางศพก็ตาม หาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้รับการประกันตัวออกไป และผลการพิสูจน์ศพบ่งชี้ว่าเป็นศพของนายสามารถ จริง อาจทำให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ หลบหนีไปได้
นอกจากนี้ จากพฤติกรรมที่ถูกเปิดโปงตลอดห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พฤติกรรมของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ที่ได้รับการบอกเล่า และจากหลักฐานที่ปรากฎต่างๆ เช่น การขุดพบโครงกระดูก 3 ศพ ในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ถูกเปิดเผยโดยนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เองว่าทุกศพถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย เช่น ถูกยิงทิ้ง ถูกให้ดื่มยาพิษ และใช้วิธีการรุนแรงต่างๆ ประกอบกับการเปิดเผยของนายกะลา คนงานชาวพม่าที่ทำงานในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ ต.กลัดหลวง ได้ความว่า นายกะลา เป็นผู้หนึ่งที่ถูก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ทำร้ายอย่างทารุนเหี้ยมโหด โดยนายกะลา ถูกจับเอามือยัดไปในเครื่องบดข้าวโพดจนแขนขวาขาดถึงข้อศอก และ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ยังบังคับให้นายกะลา และครอบครัวใช้แรงงานเยี่ยงทาสในไร่ต่อไป โดยนำบุตรตัวน้อยๆ ของนายกะลา 2 คน ไปเก็บซ่อนเป็นตัวประกันที่กรุงเทพฯ
ในท้ายคำร้องคัดค้านได้ระบุต่อไปอีกว่า หากให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้รับการประกันตัว ตนเชื่อว่าจะออกไปข่มขู่พยาน และทำลายพยานหลักฐานทุกวิถีทาง เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการตำรวจ และรู้จักข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นจำนวนมาก พยานบุคคลที่จะให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีนี้จะไม่มีความปลอดภัย อีกทั้ง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ อาจไปก่อเหตุร้ายขึ้นอีกก็เป็นได้ ตนจึงขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ด้วยเหตุผลดังกล่าว
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ประสาน จังพานิช พงส.(สบ 3) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้นำหนังสือยื่นคัดค้านการประกันตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ศาลพิจารณาด้วย โดยให้เหตุผลประเด็นการคัดค้านเนื่องจากเกรง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จะมีพฤติกรรมการข่มขู่พยาน
ด้านนายประเสริฐ หรือนายแก้ว ว่องอุดมทรัพย์ คนดูแลไร่พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กล่าวว่า ชาวบ้านที่มาให้กำลังใจพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์วันนี้เป็นชาวบ้านที่เห็นว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ถูกรังแก และไม่ได้รับความยุติธรรม โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวของสื่อที่ไม่ยอมให้พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้แก้ตัวเพราะที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่เห็นพฤติกรรมของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์มาตลอดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวนำเสนอทั้งเรื่องที่ชอบใช้ความรุนแรง หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน จึงอยากให้รับฟังข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายก่อนว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะเกี่ยวกับเรื่องการแย่งชิงมรดกกันระหว่าง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย เพราะก่อนจะเจอรถต้องสงสัยที่หายไปกว่า 3 ปีนั้น นางอ้อย คนดูแลไร่ได้หายตัวไปจากไร่ 2 วัน และหลังจากนั้นก็เป็นนางอ้อย ก็ไปปรากฏตัวขึ้นกับรถคันดังกล่าว ซึ่งยังสงสัยว่านางอ้อยได้หายตัวไปกับนายสุเทพหรือไม่และเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวน่าจะเชื่อมโยงได้กลับนายสุเทพ เพราะนางอ้อย ก็เคยรู้จักกับนายสุเทพ
“สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเชื่อมโยงถึงเรื่องมรดกของครอบครัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ อีกทั้งนายกะลา ชาวพม่าที่มาเป็นพยานในคดีดังกล่าว ก็ยังเคยทำงานในโรงงานว่านหางจระเข้ กับนายสุเทพ จึงเชื่อว่าอาจจะเกี่ยวโยงกันเป็นขบวนการจัดฉาก ในเรื่องดังกล่าว อีกทั้งเรื่องที่นายกะลา บอกว่าถูกทำร้ายร่างกายนั้น จริงๆแล้วมือที่ขาดก็เกิดจากการเล่นกันระหว่างนำข้าวโพดไปโม่ส่วนที่บอกว่าตกต้นไม้นั้นก็เป็นการตกกระเช้าจากความประมาทของนายกะลา เอง” คนดูแลไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เผย
ต่อมา เวลา 13.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ศาลได้พิจารณาไต่สวนคำร้องของพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก ที่มีการตั้งข้อกล่าวหา 2 ข้อกล่าวหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ และคดีลักทรัพย์หรือรับของโจร รวมถึงพิจารณาคดีอื่น และการยื่นขอไม่ให้ประกันตัว พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ของนายสามารถ
หลังจากเข้าห้องพิจารณาคดีประมาณ 1 ชั่วโมง นายสามารถ ออกมาพร้อมเปิดเผยว่า ศาลอนุญาตให้ฝากขัง พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ตามคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน และเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แต่หากผู้ต้องหามีการยื่นขอประกันตัวให้ปล่อยตัวชั่วคราวก็สามารถทำได้ ขณะที่ทางฝ่าย พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ไม่มีการยื่นขอประกันตัวประกอบพิจารณาคดีแต่ทางศาลยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้ประกันตัวในการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนางกฤษณา กลั่นนุรักษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ ผู้ที่มีสิทธิตัดสินใจแทนผู้พิพากษาหัวหน้าศาลที่ไม่อยู่ไปราชการที่ต่างประเทศ
ต่อมา ดร.พรเทพ สุวรรณวิเชียร ทนายความของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ได้นำหลักทรัพย์ที่มีทั้งเงินสดจำนวน 1 ล้าน 5 แสนบาท มายื่นขอประกันตัวต่อศาล
จนเวลา 15.30 น.ได้มีการนำตัว พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ขึ้นไปพิจารณาคดีอีกครั้ง กรณีญาติผู้สูญหายที่ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัว โดยมีนายสว่าง นุ่มจุ้ย และครบครัวของ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วย โดยศาลใช้เวลาพิจารณาประมาณ 30 นาที และมีคำสั่งอนุมัติตามคำร้องของญาติ โดยมีเหตุผลว่า ผู้ต้องหาเป็นข้าราชการระดับสูง อาจจะไปข่มขู่พยานได้ อีกทั้งยังสามารถหาช่องทางในการหลบหนีได้ง่าย และอาจก่อกวนให้ตำรวจทำงานไม่สะดวก ส่วนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจจะต้องทำการค้นหาผู้สูญหายต่อไป โดยทำการฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน
ทั้งนี้ ศาลจึงมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยผู้ต้องหามีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 ซึ่งจะรู้ผลภายใน 3-4 วัน โดยระหว่างนี้ จะต้องนำตัว พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรีเป็นการชั่วคราว
เวลา 17.13 น.ได้มีการนำตัว พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ออกมาจากห้องควบคุมตัวพร้อมด้วยผู้ต้องหาอีกหลายคดี โดยให้ตัว พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เดินอยู่ระหว่างกลางกลุ่มของผู้ต้องหารายอื่นเพื่อป้องกันไม่ให้สื่อถ่ายภาพได้ชัดเจน โดยนายแพทย์มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มและไม่วิตกกังวลแต่อย่างใดรวมถึงมีการโบกมือทักทายสื่อมวลชนก่อนขึ้นรถลูกกรงเหล็กที่จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดเพชรบุรีด้วย
จากการสอบถาม พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ขณะที่นั่งอยู่บนรถควบคุมผ่านลูกกรงเหล็กโดยผู้สื่อข่าวได้ไต่ถามความรู้สึกของ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้างที่ศาลไม่เปิดโอกาสให้พูดหรือให้ปากคำต่อศาล โดย พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ บอกว่าไม่รู้สึกอะไรที่ไม่ให้ประกันตัวก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณาโดยกระแสตอนนี้รุนแรง ศาลก็ต้องพิจารณาไปตามกระแส โดยศาลจะพิจารณาคดีอีกครั้ง ส่วนกรณีที่นายสุเทพพี่ชายไปออกตามสื่อนั้นรายละเอียดอยู่ที่ศาลเยาวชนกลางรบกวนสื่อดูรายละเอียดที่ศาลเยาวชนกลางว่าพี่ชายของตนป็นคนอย่างไรบ้างเพราะจะมีประวัติอยู่จำนวนมาก ส่วนกรณีที่คุณสุเทพพี่ชายกล่าวหาว่า พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ ให้ยาเกินขนาดกับมารดาจนเกิดอาการเจ็บป่วยนั้น นายแพทย์ให้การปฏิเสธ
“ใครบ้างจะรักษาแม่ไม่รักแม่ตัวเองบ้างมีไหมในโลกนี้ อีกทั้งหมอเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นไปไม่ได้ที่วางยามารดาตัวเอง” พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ กล่าวในที่สุด ก่อนที่รถควบคุมผู้ต้องขังจะเดินทางนำตัวไปฝากขังต่อยังเรือนจำจังหวัดเพชรบุรีต่อไป โดยผลัดแรกอยู่มีระยะเวลาฝนการฝากขังเป็นเวลา 12 วัน
มีรายงานข่าวว่า น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ติดต่อขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ยังไม่มีการกำหนดวัน เวลา และสถานที่ชัดเจน
วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก ได้ขนอาวุธปืน ทั้งปืนสั้น และปืนยาวกว่า 40 กระบอกของกลางที่ตรวจยึดได้จากในบ้านของ พ.ต.ท.นพ.สุพฒน์ ไปส่งกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อนำไปทำการตรวจพิสูจน์ ว่าเคยนำไปใช้ในการก่อเหตุใดมาบ้างหรือไม่