ศูนย์ข่าวศรีราชา - คำสั่งให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ดำเนินการรื้อถอนโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่อเค้าบานปลาย หลังชาวบ้าน ผู้ประกอบการรีสอร์ตที่ถูกคำสั่งรื้อถอน นายก อบจ.ระยอง ผู้ว่าฯ อดีตผู้ว่าฯ รวมตัวค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (14 ก.ย.) ชาวบ้าน และผู้ประกอบการรีสอร์ตบนเกาะเสม็ดกว่า 300 คน ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าด่านท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง พร้อมชูป้ายคัดค้านการรื้อท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด เช่น “คนระยองมีการศึกษา ทำไมต้องมาใช้กำลังมาขู่” “เกาะเสม็ดเป็นของคนระยอง ขอคืนเกาะเสม็ดคืนให้คนระยอง” และยังได้แจกเอกสารชี้แจงระบุว่า ชาวบ้าน และผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ดทำมาหากินด้วยความสงบสุข แต่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ บางคนกลับลุแก่อำนาจประกาศข่มขู่ คุกคาม สั่งให้รื้อถอน
ทั้งที่คณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปัญหาเกาะเสม็ดก็กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งการใช้กำลังเข้าข่มขู่ และกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องรื้อถอนรีสอร์ตให้สิ้นซากภายในวันที่ 30 กันยายน 2555 เป็นการกระทำอาจจะก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย และเสียงบประมาณ ทั้งยังเป็นการทำลายการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดความแตกแยก เกลียดชังพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ
ซึ่งในเวลาต่อมา นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายสยุมพร ลิ่มไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยอง ซึ่งเป็นผู้อนุมัติโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด พร้อมด้วย นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง และคณะได้เดินทางข้ามไปยังเกาะเสม็ด เพื่อพบปะชาวบ้าน และผู้ประกอบการ โดยได้เดินทักทายชาวบ้านที่มาคัดค้านการรื้อท่าเทียบเรือเกาะเสม็ดที่มารอต้อนรับ ท่ามกลางเสียงปรบมือ
โดยนายปิยะ ปิตุเตชะ กล่าวว่า การที่นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ใช้อำนาจยึดปิดท่าเทียบเรือเกาะเสม็ดนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นคำสั่ง ที่สำคัญในช่วงนี้ใกล้ถึงช่วงไฮซีซัน ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อวางแผนประชาสัมพันธ์เกาะเสม็ด เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็จำเป็นต้องเชิญ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ลงพื้นที่เพื่อรับหนังสือเกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชน และผู้ประกอบการที่ได้รับจากนโยบายของอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่สั่งให้หยุดการก่อสร้างท่าเรือเกาะเสม็ด
ซึ่งประชาชน และผู้ประกอบการได้รวมตัวกันคัดค้านการรื้อท่าเทียบเรือดังกล่าว และฝากความหวังที่ผู้ว่าราชการจังหวัด จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐบาล
“รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งผมก็ทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐ โดยเฉพาะรายได้ค่าเหยียบแผ่นดินเกาะเสม็ด ปีหนึ่งๆ มีจำนวนหลายสิบล้านบาท ซึ่งหากปิดเกาะก็จะไม่มีนักท่องเที่ยว รัฐบาลก็ไม่มีรายได้จากเกาะเสม็ดเช่นกัน” นายปิยะกล่าว
ด้านนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้กล่าวบนเวทีชั่วคราวซึ่งชาวบ้าน และผู้ประกอบการจัดขึ้นบริเวณท่าเทียบเรือเกาะเสม็ดว่า ที่ดินบนเกาะเสม็ดเป็นแผ่นดินที่ชาวบ้านอาศัยอยู่มาก่อน และปัจจุบัน ที่ดินดังกล่าวได้กลายเป็นที่ดินของอุทยานแห่งชาติฯ และชาวระยองต้องทวงคืนสิทธิของพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยมาก่อนประกาศเป็นเขตอุทยานฯ กลับคืนมา
และในฐานะที่ตนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด จะขอต่อสู้ร่วมกับประชาชน และผู้ประกอบการ เพราะอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ใช้อำนาจหน้าที่ราชการข่มเหงประชาชน โดยไม่ใช้ดุลยพินิจ
“ที่ผ่านมา นายสยุมพร ลิ่มไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้เห็นชอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด เนื่องจากท่าเรือชำรุดแตกหัก และทรุดโทรม และเป็นท่าเรือเก่าแก่ที่ใช้งานมานาน จึงเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยได้อนุมัติให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง กู้เงินจำนวน 170 ล้านบาท มาดำเนินการก่อสร้าง และได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ กรมเจ้าท่า และสำนักงานอนุรักษ์ป่าไม่ที่ 9 (ศรีราชา) ตั้งแต่ปี 2552 และในปี 2554 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้แจ้งให้ทำ ไออีอี ซึ่งเป็นการแจ้งภายหลังโดยไม่ต้องทำอีไอเอ ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ก็ได้ดำเนินการจัดทำไออีอีแต่ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไม่มีสิทธิระงับการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด โดยขณะนี้จังหวัดได้แจ้งความดำเนินต่ออธิบดีฯ ว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงแล้ว” นายเสนีย์กล่าว
ขณะที่นายสยุมพร ลิ่มไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า เกาะเสม็ดถูกประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อปี 2524 และขณะนี้เกือบ 30 ปีแล้วที่คนระยองได้อาศัยทำมาหากิน จึงถือว่าชาวระยองเป็นเจ้าของเกาะเสม็ดที่แท้จริง ส่วนอุทยานฯ เข้ามาในปี 2524 ถือเป็นผู้มาอาศัย แต่ขณะนี้อุทยานฯ กลับทำตัวเป็นเจ้าของเกาะเสม็ด จึงถามว่าคนระยองจะยอมหรือไม่ ซึ่งหากเป็นตนก็คงไม่ยอมเช่นกัน