พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา เติอนชาวกรุงเก่าที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ 6 อำเภอ ให้เก็บข้าวของขึ้นไว้ที่สูง หลังชลประทานประกาศเตือนอีก 24 ชั่วโมงน้ำจะสูงขึ้น 50 เซนติเมตร ขณะที่ปลากระชังของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้น็อกตายเพียบ ขณะเดียวกัน น้ำเจ้าพระยาได้ทะลักเข้าท่วมถนนในหมู่บ้าน อ.บางบาล แล้ว ทำสวนกล้วยชาวบ้านจมน้ำกว่า 100 ไร่ เร่งขนย้ายสิ่งของ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (10 ก.ย.) นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ออกประกาศเตือนประชาชนพื้นที่ใน 6 อำเภอริมแม่น้ำน้อย และแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางไทร และ อ.บางปะอิน ให้เก็บสิ่งของที่อยู่ใต้ถุนบ้านขึ้นที่สูง เนื่องจากได้รับรายงานจากชลประทานว่าได้มีการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้นจากเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำเหนือเขื่อนมีปริมาณมากขึ้น จึงต้องเร่งระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปริมาณน้ำขณะนี้ยังไม่กระทบมากนัก แต่อาจจะทำให้น้ำล้นตลิ่ง
นายไมตรี ปิดิตานนท์ ผู้อำนวยการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น.วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำ 1,500 กว่า ลบ.ม. ส่งให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และคาดว่าจนถึง 12.00 น.วันที่ 10 ก.ย. ระดับน้ำจะสูงขึ้นจากเมื่อวันที่ 9 ก.ย.อีก 50 ซ.ม. ซึ่งจะทำให้น้ำล้นตลิ่งใน 3 อำเภอ คือ บางบาล เสนา และผักไห่
สำหรับปริมาณการไหลของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้ นอกจากจะส่งผลต่อพื้นที่ริมตลิ่งที่อาจจะถูกน้ำท่วมแล้ว ยังส่งผลต่อผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชังที่ ต.บางชะนี อ.บางบาล และเขตติดต่อ เนื่องจากพบว่าความแรงของน้ำทำให้ปลาจำนวนมากน็อกน้ำ และมีท่อนไม้พุ่งเข้าชนกระชังปลาเสียหาย มีปลาตายเฉลี่ยวันละ 200-300 กก.ต่อราย ขณะที่ผู้เลี้ยงปลาส่วนใหญ่เร่งจับปลาออกจากกระชังกันตลอดทั้งวัน และนำออกขายเพื่อลดปัญหาการขาดทุน
“สวนกล้วย” ชาวบางบาลจมน้ำแล้ว
ด้านนายธงชัย ฉันธใบดิษฐ์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 11 หมู่ 8 ต.บางหัก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า แม่น้ำเจ้าพระยาในปีนี้วิกฤตหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา ไหลทะลักเข้าท่วมคลองบางหลวง ระดับน้ำขึ้นสูงเร็วมากไม่เคยมีปรากฏการณ์มาก่อน ชั่วโมงละ 10 ซม. ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ทะลักเข้าท่วมถนนเส้นเข้าออกหมู่บ้าน รถเล็กไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้เป็นบางช่วงใน ต.บางหัก อ.บางบาล
ส่วนกล้วยหอม กล้วยไข่ นับร้อยไร่จมน้ำแล้ว ขณะนี้เร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นอยู่ที่สูงอย่างอลหม่าน และในขณะนี้ ยังพบระดับน้ำยังไม่มีทีท่าจะหยุดขึ้น ทำให้สัตว์มีพิษใต้ดิน เช่น ตะขาบ แมงป่อง และงู หนีน้ำกันเพ่นพ่าน ต้องระวังอันตราย
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (10 ก.ย.) นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ออกประกาศเตือนประชาชนพื้นที่ใน 6 อำเภอริมแม่น้ำน้อย และแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางไทร และ อ.บางปะอิน ให้เก็บสิ่งของที่อยู่ใต้ถุนบ้านขึ้นที่สูง เนื่องจากได้รับรายงานจากชลประทานว่าได้มีการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้นจากเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำเหนือเขื่อนมีปริมาณมากขึ้น จึงต้องเร่งระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปริมาณน้ำขณะนี้ยังไม่กระทบมากนัก แต่อาจจะทำให้น้ำล้นตลิ่ง
นายไมตรี ปิดิตานนท์ ผู้อำนวยการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น.วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำ 1,500 กว่า ลบ.ม. ส่งให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และคาดว่าจนถึง 12.00 น.วันที่ 10 ก.ย. ระดับน้ำจะสูงขึ้นจากเมื่อวันที่ 9 ก.ย.อีก 50 ซ.ม. ซึ่งจะทำให้น้ำล้นตลิ่งใน 3 อำเภอ คือ บางบาล เสนา และผักไห่
สำหรับปริมาณการไหลของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้ นอกจากจะส่งผลต่อพื้นที่ริมตลิ่งที่อาจจะถูกน้ำท่วมแล้ว ยังส่งผลต่อผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชังที่ ต.บางชะนี อ.บางบาล และเขตติดต่อ เนื่องจากพบว่าความแรงของน้ำทำให้ปลาจำนวนมากน็อกน้ำ และมีท่อนไม้พุ่งเข้าชนกระชังปลาเสียหาย มีปลาตายเฉลี่ยวันละ 200-300 กก.ต่อราย ขณะที่ผู้เลี้ยงปลาส่วนใหญ่เร่งจับปลาออกจากกระชังกันตลอดทั้งวัน และนำออกขายเพื่อลดปัญหาการขาดทุน
“สวนกล้วย” ชาวบางบาลจมน้ำแล้ว
ด้านนายธงชัย ฉันธใบดิษฐ์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 11 หมู่ 8 ต.บางหัก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า แม่น้ำเจ้าพระยาในปีนี้วิกฤตหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา ไหลทะลักเข้าท่วมคลองบางหลวง ระดับน้ำขึ้นสูงเร็วมากไม่เคยมีปรากฏการณ์มาก่อน ชั่วโมงละ 10 ซม. ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ทะลักเข้าท่วมถนนเส้นเข้าออกหมู่บ้าน รถเล็กไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้เป็นบางช่วงใน ต.บางหัก อ.บางบาล
ส่วนกล้วยหอม กล้วยไข่ นับร้อยไร่จมน้ำแล้ว ขณะนี้เร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นอยู่ที่สูงอย่างอลหม่าน และในขณะนี้ ยังพบระดับน้ำยังไม่มีทีท่าจะหยุดขึ้น ทำให้สัตว์มีพิษใต้ดิน เช่น ตะขาบ แมงป่อง และงู หนีน้ำกันเพ่นพ่าน ต้องระวังอันตราย