พระนครศรีอยุธยา - ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอของพระนครศรีอยุธยา กว่า 500 คน ฮือประท้วงพังประตูศาลากลางจังหวัด หลังเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้เข้าไปยื่นหนังสือประท้วงต่อผู้ว่าฯ กรุงเก่า เรื่องเงินเยียวยาค่าเสียหายจากน้ำท่วมที่ยังไม่ได้รับ และการทำงานของตำรวจในคดียิงแกนนำไม่คืบหน้า
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันนี้ (5 ก.ย.) ชาวบ้านจาก 3 อำเภอคือ อ.บางไทร อ.ภาชี และ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า 500 คน ได้ร่วมกันแห่โลงศพบุกศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประท้วงเรื่องเงินเยียวยาค่าเสียหายจากภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ไม่คืบหน้า และประท้วงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำคดียิงแกนนำชาวบ้านที่ อ.บางไทร ยังหาตัวผู้บงการไม่ได้
เมื่อชาวบ้านมาถึงประตูทางเข้าศาลากลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.ได้ปิดประตูรั้วไม่ยอมให้กลุ่มชาวบ้านเข้า จึงเกิดการปะทะกันขึ้น ชาวบ้านพยายามใช้รถปิกอัพและคนดันประตูเพื่อเข้าไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด หลังจากที่ไปประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาลทั้งวันมาแล้ว ทางทำเนียบรัฐบาลได้ให้มายื่นเรื่องที่ต้นเหตุ ชาวบ้านจึงได้มายื่นเรื่องอีกครั้งที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้เข้าจึงต้องผลักดันกำแพงรั้วเข้าไป จนเจ้าหน้าที่ขอเจรจาให้คนเข้าได้ แต่ห้ามนำรถเข้า แล้วให้ส่งตัวแทนชาวบ้านเข้ามาประชุมหารือถึงปัญหาข้อเรียกร้อง
นางรสริน ชนะฤทธิ์ อายุ 45 ปี 1 ในแกนนำที่เดินทางมาประท้วง เปิดเผยว่า สำหรับชาวบ้านจาก อ.บางไทร นอกจากเรียกร้องเรื่องเงินชดเชยเยียวยาค่าเสียหายจากน้ำท่วมแล้ว ยังประท้วงเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ยอมสืบสวนสาวหาผู้บงการที่ยิง นายนริช หรือหยด พรหมพงษ์ แกนนำม็อบน้ำท่วม อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกำนันตำบลบางไทร ที่ไม่ยอมช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งเรื่องปัญหาเงินน้ำท่วม และคดียิงแกนนำทั้งๆ ที่กำนันอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ยอมพานายนริช ส่งโรงพยาบาล
ส่วนนางกัลยาณี จูปรางค์ แกนนำชาวบ้าน อ.อุทัย และ อ.ภาชี กล่าวว่า ปัญหาเงินชดเชยเยียวยาค่าเสียหายจากภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ชาวบ้านได้มาเรียกร้องกันหลายครั้งหลายรอบจนไปเรียกร้องถึงทำเนียบเมื่อวานก็ให้มาร้องที่ต้นเหตุก่อนแล้วจะพิจารณาให้ แต่เมื่อมาแล้วเจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมให้เข้าไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ต่อมา นายทวี นริสศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ให้ชาวบ้านส่งตัวแทนชาวบ้านเข้ามาร่วมประชุมหาข้อยุติเรื่องข้อร้องเรียน โดยได้เรียกหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ อำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมเข้ามารับฟังปัญหาของชาวบาน จนได้ข้อสรุปว่ารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ และจะมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดำเนินการตามข้อเรียกร้องของชาวบ้านต่อไป