น่าน - ผวจ.น่านสั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. หลังน้ำล้นอ่างเก็บน้ำเข้าท่วม 6 หมู่บ้านใน อ.ปัว และเกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมชุมชนท่าวังผา ขณะที่ชาวบ้านพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เร่งตักทรายใส่ถุงทำพนังริมน้ำ แก้ปัญหาน้ำเซาะตลิ่ง หวั่นบ้านเรือนพังเสียหาย ครวญร้องผ่าน 3 ผู้ว่าฯ 3 นายอำเภอ 2 กำนัน มานานร่วม 10 ปี แต่ไม่มีหน่วยงานรัฐช่วย จนต้องหาทางช่วยตัวเอง
วันนี้ (4 ก.ย.) นายเอกกฤติ จิตตางกูร รักษาราชการแทน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน ได้เข้าสำรวจพื้นที่ถูกน้ำป่าทะลักท่วม และพื้นที่เสี่ยงภัย หลังมีฝนตกบริเวณป่าเขาเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน จนเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรบางส่วนในพื้นที่ อบต.ยม ได้แก่บ้านน้ำไคร้ หมู่ที่ 9 และ อบต.จอมพระ ได้แก่ บ้านถ่อน หมู่ที่ 1 อำเภอท่าวังผา รวม 30 หลังคา สร้างความเสียหายแก่เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เปิดเป็นร้านบริการอินเตอร์เนตเสียหาย 12 เครื่อง และที่อำเภอปัว เกิดน้ำล้นสปิลเวย์อ่างเก็บน้ำห้วยมัด บ้านไร่ หมู่ 1 บ้านทุ่งฆ้อน หมู่ 2 บ้านน้ำยาว หมู่ 3 บ้านกลาง หมู่ 4 บ้านกอก หมู่ 5 บ้านไร่พัฒนา หมู่ 9 ต.อวน อ.ปัว รวม 6 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย 350 หลังคาเรือน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ทั้งนี้ เฉพาะถนนเชื่อมต่อหมู่บ้านบ้านทุ่งกลาง หมู่ที่ 4 กับบ้านห้วยโป่ง ตำบลตาลชุม อำเภอท่าวังผา ซึ่งเลียบลำห้วยต้น กับแม่น้ำอวน เสียหายกว่า 100 เมตร พร้อมคอสะพานคอนกรีตมูลค่าเกือบ 2 ล้านเสียหายทั้งหมด และยังมีสะพานในหมู่บ้านอีก 3 แห่ง พร้อมเหมืองฝายเสียหาย นอกจากนั้นพืชผลการเกษตรได้แก่ข้าวที่กำลังตั้งกอ ข้าวโพด ถูกน้ำพัดเสียหายกว่า 5,000 ไร่
นายเอกกฤติเปิดเผยว่า น้ำป่าหลากครั้งนี้เป็นน้ำในแม่น้ำที่สะสมเดิม และเมื่อมีฝนตกลงมาจึงทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ติดริมน้ำ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหมู่บ้านริมแม่น้ำอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ตลอดเวลา เนื่องจากในบางพื้นที่ยังมีฝนตก โดยเฉพาะบนเขา
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายเฝ้าติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำป่าเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมทุกพื้นที่ของจังหวัดน่านอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุการณ์ให้รายงานด่วนให้ทราบทันที
ขณะที่ชาวบ้านพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำป่า ดินโคลนถล่มซ้ำซาก เร่งสร้างพนังกั้นน้ำเข้าบ้านและพื้นที่การเกษตร หลังถูกน้ำป่าถล่ม ทั้งยังเคยร้องขอภาครัฐผ่าน 3 ผู้ว่าฯ 3 นายอำเภอ 2 กำนัน นานกว่า 10 ปีแล้วยังไม่มีการตอบรับ
โดยชาวบ้านบ้านห้วยไร่ หมู่ที่ 1 บ้านไร่พัฒนา หมู่ที่ 9 บ้านทุ่งกลาง หมู่ที่ 4 ตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เป็นทางน้ำจากลำห้วยต้อ ลำห้วยมัด ลำห้วยอวน ไหลผ่าน และถูกน้ำป่าท่วมซ้ำซากเป็นประจำทุกปี ได้พากันนำดิน-ทรายมาใส่ถุงเพื่อทำเป็นพนังกั้นน้ำ หลังถูกน้ำป่าพัดเข้าหมู่บ้านกัดเซาะตลิ่งริมลำห้วยใกล้หมู่บ้าน จนบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 20 หลัง โดยเฉพาะเสาบ้านถูกน้ำกัดเซาะซ้ำซาก เพราะเกรงบ้านจะพังล้มลงทุกเวลา และน้ำยังพัดเอาดินโคลนเข้าไปยังไร่ข้าวโพด นาข้าวเสียหายจำนวนมาก
ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า ได้ร้องขอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านมาถึง 3 คน นายอำเภออีก 3 คน กำนัน 2 คนแล้ว แต่ละคนลงพื้นที่ช่วงน้ำป่าเข้าหมู่บ้านทุกปี แต่เรื่องก็เงียบหายไป ชาวบ้านเกิดความหวาดผวาทุกๆ ปี ช่วงหน้าฝนมีน้ำป่าไหลเข้าหลายครั้งจนชาวบ้านไม่เป็นอันต้องใช้ชีวิตตามปกติ
นางเตียว โนจัน ชาวบ้านบ้านไร่ ตำบลอวน กล่าวว่า ช่วงหน้าฝนน้ำป่าเข้าท่วมบ้านกัดเซาะเสาจนเป็นหลุม เกรงว่าบ้านจะพังลงมา ไม่สามารถย้ายหนีไปไหนได้ เพราะไม่มีที่ และต้องทำมาหากินในพื้นที่เกษตรใกล้บ้าน
เช่นเดียวกับนายจรัส อุดนัน กำนันตำบลอวน และชาวบ้านอีกหลายคนก็กล่าวว่าชาวบ้านได้ร้องขอทางภาครัฐหลายครั้งผ่านนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัดถึง 3 คน เป็นเวลานับ 10 ปี แล้วแต่เรื่องก็เงียบหายไป จึงวอนเร่งช่วยทำพนังกั้นน้ำถาวรเพื่อป้องกันน้ำป่าเข้าหมู่บ้านที่มีถึง 5 หมู่บ้านกว่า 500 หลังคาเรือน ก่อนที่จะเกิดความเสียหายสูญเสียชีวิตทรัพย์สินมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีฝนตกในพื้นที่ตลอด ชาวบ้านจึงเร่งหาทางป้องกันตนเองด้วยการทำพนังดินชั่วคราว เพื่อป้องกันน้ำป่าที่จะมาอีกต่อไป