สุรินทร์ - ชาวบ้านสุดทนร้องสื่อตรวจสอบการทุจริตเงินโครงการ “SML” สุรินทร์ฉาวโฉ่ โคตรโกงกระจายหลายอำเภอกว่า 500 หมู่บ้าน แฉสารพัดวิชามาร คณะกรรมการ-ผู้ใหญ่บ้าน-อำเภอ และพ่อค้าสุมหัวโกงเงินจัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ-ไร้ใบเสร็จ-ซื้อไม่ครบจำนวน และไม่ผ่านประชาคมหมู่บ้านอื้อ ระบุคณะกรรมการเขมือบหัวคิว 15% ทางอำเภอ 20% เผยบุกยื่นผู้ว่าฯ ตื่นไล่ตรวจสอบเอาผิดพรุ่งนี้ (3 ก.ย.)
วันนี้ (2 ก.ย.) นางชญานิศ สกุลดำรงเกียรติ อายุ 48 ปี เจ้าของภัคพลฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ 168-169 ม.9 ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมกลุ่มตัวแทนประชาชนจากหลายอำเภอของ จ.สุรินทร์ เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนให้ตรวจสอบโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) หรือโครงการ SML จ.สุรินทร์ ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินกันเป็นจำนวนมาก
โดยนางชญานิศ สกุลดำรงเกียรติ เปิดเผยว่า มีร้านค้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ อ.สนม จ.สุรินทร์ ทำธุรกิจขัดต่อระเบียบโครงการ SML เช่น มีการทำสัญญาไว้ล่วงหน้า ไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้าน สถานที่ทำสัญญาเป็นที่ร้านค้าดังกล่าว และมีการปลอมแปลงลายมือชื่อในการทำสัญญาซื้อขาย ซึ่งส่วนมากจะเป็นการสั่งซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 และเต็นท์ผ้าใบโค้งขนาด 5X8 เมตร ในวงเงินไม่เกิน 300,000-500,000 บาท ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สุรินทร์ กว่า 500 หมู่บ้าน ถือว่าเป็นการทุจริตเงินงบประมาณของแผ่นดิน โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน และทางอำเภอมีส่วนรู้เห็น
“ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) จะเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ให้มีการสั่งระงับการเบิกจ่ายเงินในโครงการดังกล่าวไว้ก่อน ซึ่งมีมูลค้าหลายร้อยล้านบาท” นางชญานิศกล่าว
ด้าน นายภัทรพงษ์ บูรณศิริศิลป์ อายุ 35 ปี ราษฎรบ้านขุนหาญ ม.7 ต.กระเบื้อง อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวว่า โครงการ SML ของบ้านขุนหาญ ได้งบประมาณมา 400,000 บาท คณะกรรมการฯ ให้เห็นชอบให้ซื้อรถยนต์เพื่อการเกษตร (อีแต๋น) และเครื่องเสียง ในวงเงิน 400,000 บาท จากร้านขายแห่งหนึ่งใน อ.สนม โดยไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้านและเป็นการมัดมือชก เพราะชาวบ้านไม่มีใครรู้เรื่อเลยว่าคณะกรรมการฯ จะได้ส่วนแบ่งจากร้านดังกล่าว 20% อำเภอชุมพลบุรีได้ 15% และการไปเซ็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ร้านดังกล่าวมีปลัดอำเภอเป็นผู้นำพาไป ซึ่งมีการจัดเลี้ยงอาหารโต๊ะจีนดูแลอย่างดี พร้อมจ่ายค่าน้ำมันรถกลับบ้านให้ทุกคนด้วย
ด้าน นายบุญมี ใยนนท์ ชาวบ้านหนองคันนา ม.5 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กล่าวว่า จะได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) จำนวน 300,000 บาท ของนายสี พาเชื้อ ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการ ในการใช้เงินโครงการ SML เนื่องจากชาวบ้านตรวจสอบพบว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตไม่โปร่งใส ในการจัดซื้อสิ่งของต่างๆ จากงบประมาณดังกล่าว
ขณะที่ นายนักรบ ต่อแก้ว แกนนำชาวบ้านอีกราย กล่าวว่า หมู่บ้านหนองคันนา ม.5 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ได้รับงบประมาโครงการ SML จำนวน 3 แสนบาท ต่อมาผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการได้นำเงินไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 13,573 กิโลกรัม เป็นเงิน 190,022 บาท เพื่อมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในการเพาะปลูก และซื้ออุปกรณ์อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง แต่พอชาวบ้านเข้าตรวจสอบกลับพบว่ามีเมล็ดพันธุ์ข้าวเพียงประมาณ 7,000 กิโลกรัม ในขณะที่การจัดซื้ออุปกรณ์อื่นๆ ก็ไม่มีใบเสร็จและหลักฐานชัดเจน รวมแล้วมีเงินโครงการ SML ดังกล่าวหายไปกว่า 80,000 บาท
“พวกเราเคยไปร้องเรียนที่อำเภอ นายอำเภอพนมดงรักก็มาทำการไกล่เกลี่ย และให้คณะกรรมการหาเงินมาคืนเพียง 60,000 บาท ชาวบ้านถามหาส่วนที่เหลือ 20,000 บาท กลับไม่ได้รับคำตอบ และผู้ใหญ่บ้านได้บอกในที่ประชุมการไกล่เกลี่ยว่ามีการหัก 20% ให้กับทางอำเภอ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตโครงการดังกล่าวอย่างเด็ดขาด” นายนักรบกล่าว
วันนี้ (2 ก.ย.) นางชญานิศ สกุลดำรงเกียรติ อายุ 48 ปี เจ้าของภัคพลฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ 168-169 ม.9 ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมกลุ่มตัวแทนประชาชนจากหลายอำเภอของ จ.สุรินทร์ เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนให้ตรวจสอบโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) หรือโครงการ SML จ.สุรินทร์ ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินกันเป็นจำนวนมาก
โดยนางชญานิศ สกุลดำรงเกียรติ เปิดเผยว่า มีร้านค้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ อ.สนม จ.สุรินทร์ ทำธุรกิจขัดต่อระเบียบโครงการ SML เช่น มีการทำสัญญาไว้ล่วงหน้า ไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้าน สถานที่ทำสัญญาเป็นที่ร้านค้าดังกล่าว และมีการปลอมแปลงลายมือชื่อในการทำสัญญาซื้อขาย ซึ่งส่วนมากจะเป็นการสั่งซื้อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 และเต็นท์ผ้าใบโค้งขนาด 5X8 เมตร ในวงเงินไม่เกิน 300,000-500,000 บาท ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สุรินทร์ กว่า 500 หมู่บ้าน ถือว่าเป็นการทุจริตเงินงบประมาณของแผ่นดิน โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน และทางอำเภอมีส่วนรู้เห็น
“ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) จะเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ให้มีการสั่งระงับการเบิกจ่ายเงินในโครงการดังกล่าวไว้ก่อน ซึ่งมีมูลค้าหลายร้อยล้านบาท” นางชญานิศกล่าว
ด้าน นายภัทรพงษ์ บูรณศิริศิลป์ อายุ 35 ปี ราษฎรบ้านขุนหาญ ม.7 ต.กระเบื้อง อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวว่า โครงการ SML ของบ้านขุนหาญ ได้งบประมาณมา 400,000 บาท คณะกรรมการฯ ให้เห็นชอบให้ซื้อรถยนต์เพื่อการเกษตร (อีแต๋น) และเครื่องเสียง ในวงเงิน 400,000 บาท จากร้านขายแห่งหนึ่งใน อ.สนม โดยไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้านและเป็นการมัดมือชก เพราะชาวบ้านไม่มีใครรู้เรื่อเลยว่าคณะกรรมการฯ จะได้ส่วนแบ่งจากร้านดังกล่าว 20% อำเภอชุมพลบุรีได้ 15% และการไปเซ็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ร้านดังกล่าวมีปลัดอำเภอเป็นผู้นำพาไป ซึ่งมีการจัดเลี้ยงอาหารโต๊ะจีนดูแลอย่างดี พร้อมจ่ายค่าน้ำมันรถกลับบ้านให้ทุกคนด้วย
ด้าน นายบุญมี ใยนนท์ ชาวบ้านหนองคันนา ม.5 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กล่าวว่า จะได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) จำนวน 300,000 บาท ของนายสี พาเชื้อ ผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการ ในการใช้เงินโครงการ SML เนื่องจากชาวบ้านตรวจสอบพบว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตไม่โปร่งใส ในการจัดซื้อสิ่งของต่างๆ จากงบประมาณดังกล่าว
ขณะที่ นายนักรบ ต่อแก้ว แกนนำชาวบ้านอีกราย กล่าวว่า หมู่บ้านหนองคันนา ม.5 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ได้รับงบประมาโครงการ SML จำนวน 3 แสนบาท ต่อมาผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการได้นำเงินไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 13,573 กิโลกรัม เป็นเงิน 190,022 บาท เพื่อมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในการเพาะปลูก และซื้ออุปกรณ์อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง แต่พอชาวบ้านเข้าตรวจสอบกลับพบว่ามีเมล็ดพันธุ์ข้าวเพียงประมาณ 7,000 กิโลกรัม ในขณะที่การจัดซื้ออุปกรณ์อื่นๆ ก็ไม่มีใบเสร็จและหลักฐานชัดเจน รวมแล้วมีเงินโครงการ SML ดังกล่าวหายไปกว่า 80,000 บาท
“พวกเราเคยไปร้องเรียนที่อำเภอ นายอำเภอพนมดงรักก็มาทำการไกล่เกลี่ย และให้คณะกรรมการหาเงินมาคืนเพียง 60,000 บาท ชาวบ้านถามหาส่วนที่เหลือ 20,000 บาท กลับไม่ได้รับคำตอบ และผู้ใหญ่บ้านได้บอกในที่ประชุมการไกล่เกลี่ยว่ามีการหัก 20% ให้กับทางอำเภอ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตโครงการดังกล่าวอย่างเด็ดขาด” นายนักรบกล่าว
