ตาก - พาณิชย์จังหวัดภาคเหนือระดมเถ้าแก่ชายแดน-SME ทั่ว 17 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วมเวทีสัมมนา “โอกาสธุรกิจไทยในตลาดพม่า และการปรับตัวเข้า AEC” ชี้ช่องพม่าเป็นฐานกระจายสินค้าไทยเข้าเอเชียใต้ ขณะที่รอง ผวจ.ตากเตือนนักลงทุนไทยในพม่าระวังถูกต่อต้าน
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่เฮือนคำฟ้ารีสอร์ท ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก นายมงคล สัณฐิติวิฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้เป็นประธานในการสัมมนา เรื่องโอกาสของนักธุรกิจไทยในตลาดเมียนมาร์ และการปรับตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิอาเซียน (AEC) ภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างภาคเหนือกับประเทศเพื่อนบ้าน (GMS ; BIMST - EC ; AEC) ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตาก ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือจัดขึ้น
โดยเวทีสัมมนาครั้งนี้มีผู้ประกอบการค้าชายแดน, ผู้กอบการ SMEs ที่มีศักยภาพในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด, เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานพาณิชย์ และสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ส่วนกลาง และหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม และการพัฒนาชายแดนในจังหวัดตาก ทั้งหมดราว 120 คนเข้าร่วม
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการเปิดเสรีทางการค้าในอาเซียน สู่การเป็นประชาคมอาเซียน (AEC), ผลกระทบจากการเปิด AEC ต่อสินค้า และภาคการผลิตต่างๆ ของประเทศไทย และการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยเพื่อสามารถแข่งขันได้ รวมทั้งให้ส่วนราชการ ผู้นำชุมชน นำสาระ ข้อเท็จจริง นำความรู้ไปขยายต่อให้ประชาชนได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
โดยเฉพาะพม่านั้น นอกจากจะเป็นตลาดรองรับสินค้าไทยมาอย่างยาวนานแล้ว ในอนาคตพม่าจะเป็นฐานกระจายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดเอเชียใต้ เช่น อินเดีย บังกลาเทศ และจีนตอนใต้อีกทางหนึ่งด้วย
รอง ผวจ.ตากกล่าวว่า ถ้าทุกคนติดตามสถานการณ์ในประเทศพม่าจะทราบเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการมีเสรีภาพมากขึ้น เช่น การยกเลิกการตรวจสอบหนังสือพิมพ์ และนิตยสารของพม่า ซึ่งจากนี้ไปเป็นโอกาสทองของนักธุรกิจไทย แต่ก็มีสิ่งที่น่าห่วงคือ การไปลงทุนในพม่านั้นเกรงว่าจะเหมือนกับทางประเทศลาว เพราะนักลงทุนไทยบางรายมักจะไปลงทุนในเรื่องของการเปิดสถานบันเทิง และการตัดไม้ หรือสัมปทานป่าไม้ ซึ่งอาจจะได้รับการต่อต้านจากประชาชนที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งต่อต้านอบายมุข จึงขอให้ระมัดระวัง