ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ยิ่งลักษณ์” เป็นประธานเปิดงาน “สิงห์ขาวคืนถิ่น 55” เผยดีใจได้พบปะพี่น้องร่วมสถาบัน แจงได้ความรู้จากสถาบันไปใช้ในการทำงานบริหารประเทศ พร้อมดีใจเห็นผู้หญิงเรียนรัฐศาสตร์กันมากขึ้น ระบุช่วยเพิ่มความเท่าเทียมแถมสร้างโอกาสให้ผู้หญิงได้ช่วยพัฒนาประเทศชาติ
ค่ำวันที่ 18 ส.ค. 2555 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จ.เชียงใหม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานเลี้ยงสังสรรค์ “สิงห์ขาวคืนถิ่น” ประจำปี 2555 ของคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณาจารย์ ศิษย์เก่า และนักศึกษาปัจจุบันให้การต้อนรับ
การเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวในครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะศิษย์เก่ารุ่นที่ 21 รหัส 2804271 ของคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ได้เป็นประธานมอบรางวัลสิงห์ขาวดีเด่น และรางวัลสิงห์ขาวดาวรุ่ง ให้แก่นักศึกษาเก่าของคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล รวม 19 ราย พร้อมกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังได้รับมอบรางวัลนักศึกษาเก่าผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต จากสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และรางวัลยอดหญิงสิงห์ขาว จากสมาคมรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวในระหว่างทำพิธีเปิดงานสิงห์ขาวคืนถิ่นว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสกลับมาพบปะพี่น้องชาวรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งรู้สึกเป็นเกียรติที่ทางสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมาคมรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มอบรางวัลให้กับตนในวันนี้
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เมื่อครั้งที่ตนเข้ามาเป็นนักศึกษาใหม่ของคณะนั้นยังไม่เข้าใจมากนักว่าการเรียนในวิชาด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์คืออะไร รู้เพียงว่าผู้ที่ศึกษาในด้านนี้จบออกไปทำงานในแวดวงราชการเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อศึกษาจนสำเร็จการศึกษาจึงเข้าใจว่าการศึกษาด้านรัฐศาสตร์คือการทำความเข้าใจในศาสตร์ของการบริหาร ซึ่งตนก็ได้นำความรู้ที่เหล่านี้มาใช้ในการทำงานในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน เมื่อมีโอกาสได้มาพบปะกับพี่น้องร่วมสถาบัน ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคณะแล้ว ก็รู้สึกยินดีที่พบว่ามีผู้หญิงเข้ามาศึกษาทางด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่การศึกษาในด้านนี้ของผู้หญิงในอดีตยังมีไม่มากนัก ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำให้ผู้หญิงได้มีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถเพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติด้วย