สุรินทร์ - พบครอบครัวอาภัพเมืองช้างเป็นโรค “ท้าวแสนปม” ถึง 3 คน มีเนื้องอกตะปุ่มตะป่ำเต็มตัว ทั้งใบหน้า ลำตัว แขนและขา เป็นที่เวทนาสงสารของผู้พบเห็น แถมฐานะยากจน ซ้ำร้ายผู้คนรังเกียจ ไม่มีใครจ้างงาน ไร้รายได้ อาศัยเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาท เป็นรายได้หลักเลี้ยงสมาชิกครอบครัว 6 ชีวิต วอนหน่วยงานเกี่ยวข้อง-ผู้ใจบุญช่วยเหลือ
วันนี้ (14 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ได้รับแจ้งจากประชาชนพลเมืองดีว่า พบครอบครัวอาภัพ สมาชิกป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม (Neurofibromatosis) ถึง 3 คน ทั้งพ่อ ลูกชาย และลูกสาว และมีฐานะยากจน ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบาก เนื่องจากไม่มีรายได้จุนเจือครอบครัว อีกทั้งไม่มีใครจ้างงานเนื่องจากรังเกียจสภาพร่างกายของทั้ง 3 คนที่มีเนื้องอกผุดขึ้นเป็นตะปุ่มตะป่ำทั่วร่างกาย ทั้งใบหน้า ลำตัว แขน และขา มิหนำซ้ำสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยอยู่เป็นประจำจากปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับโรคดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านของครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมดังกล่าว อยู่บ้านเลขที่ 32/1 บ.ภูมิพัฒนา ม.12 ต.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ พบเป็นบ้านปูนซีเมนต์ชั้นเดียว มุงกระเบื้อง สภาพเก่าสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ และบางส่วนใช้แผ่นไม้ตีปิดเป็นฝาผนัง ได้พบกับครอบครัว “ปัญญาดี” ซึ่งสมาชิกป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมถึง 3 คน ทราบชื่อคือ นายอิน ปัญญาดี อายุ 58 ปี บิดา, น.ส.กาญจนา ปัญญาดี อายุ 30 ปี ลูกสาว และนายสมพงษ์ ปัญญาดี อายุ 27 ปี ลูกชาย ซึ่งทั้ง 3 คนมีสภาพร่างกายที่มีเนื้องอกทั้งขนาดก้อนเล็กใหญ่ผุดขึ้นกระจายไปทั่วตัว เป็นที่น่าเวทนาสงสารแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
นางเวียน ปัญญาดี อายุ 58 ปี ภรรยานายอิน ปัญญาดี และมารดาของลูกทั้งสองเปิดเผยว่า ครอบครัวของตนมีทั้งหมด 6 คน รวมทั้งหลานสาวอายุ 2 ขวบด้วย โดยตนมีลูกทั้งหมด 3 คน ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม 2 คน คือ น.ส.กาญจนา คนโต, นายสมพงษ์ คนกลาง และร่างกายปกติไม่เป็นโรคท้าวแสนปม 1 คน คือ น.ส.สมพร ปัญญาดี ส่วนนายอิน สามี ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมมาก่อน รวมผู้ป่วยในครอบครัวทั้งหมด 3 คน
ส่วนตนนั้นถึงแม้มีร่างกายปกติไม่เป็นโรคท้าวแสนปม แต่ก็ไม่สามารถทำงานรับจ้างทั่วไปได้ เพราะสุขภาพไม่แข็งแรงและอายุมากแล้ว มักเป็นลมล้มฟุบอยู่บ่อยๆ ส่วนลูกสาวที่เป็นโรคท้าวแสนปมก็ไม่ค่อยแข็งแรงเป็นลมอยู่ประจำเช่นกัน ทำให้ผู้ที่ทำงานเลี้ยงครอบครัวได้มีเพียง 3 คนหลักๆ คือ สามี กับลูกชาย แต่ไม่ค่อยมีใครจ้างงานอาจเป็นเพราะเขารังเกียจ และมีลูกสาวอีกคนที่ร่างกายปกติออกไปทำงานรับจ้างได้ แต่ไม่เพียงพอกับสมาชิกในครอบครัวที่มีหลายคน ส่วนนาข้าวมีเพียงไม่กี่ไร่และเป็นนาดอนอาศัยน้ำฝนไม่ค่อยได้ผลผลิต ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบากมาก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือบ้าง เช่น เหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดม ได้ให้เงินบางส่วนมาจุนเจือครอบครัวแต่ก็ไม่เพียงพอ ทุกวันนี้ต้องอาศัยเงินเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาท เป็นรายได้หลักในการเลี้ยงคนในครอบครัวเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ จึงขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ใจบุญช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย
ด้านนายอิน ปัญญาดี ผู้เป็นสามี และป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม กล่าวว่า ร่างกายตนไม่ค่อยแข็งแรง มักปวดหัวเวียนหัว และปวดเมื่อยตามร่างกาย การงานก็ไม่มีใครจ้าง มีเพียงญาติพี่น้องว่าจ้างให้ช่วยทำงาน และไม่ค่อยกล้าออกไปไหนเพราะเกรงคนอื่นจะรังเกียจ ทั้งนี้ตนป่วยเป็นโรคนี้มาตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยก่อนหน้านั้นมีร่างกายปกติทั่วไป จากนั้นเริ่มมีเนื้องอกขึ้นที่บริเวณแขนซ้าย ก่อนที่จะไปผ่าตัดออกได้ไม่นาน ก็พบมีตุ่มคล้ายสิวเกิดขึ้นตามใบหน้าตามร่างกาย ก่อนลุกลามไปทั่วร่างกายและมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีอายุมากขึ้นยิ่งมีปุ่มเนื้องอกเกิดขึ้นตามร่างกายมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ยาก ส่วนการรักษา นั้น หมอบอกว่าโรคนี้รักษาไม่หายและเป็นโรคตามกรรมพันธุ์
ขณะที่ นายสมพงษ์ ปัญญาดี อายุ 27 ปี ลูกชายที่เป็นโรคท้าวแสนปมเช่นกัน กล่าวว่า ตอนอายุ 9 ขวบเริ่มมีตุ่มคล้ายสิวเล็กๆ เกิดขึ้นและลุกลามมากขึ้น มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ จะออกไปทำงานหารายได้ช่วยครอบครัวก็กลัวผู้คนเขารังเกียจ และที่สำคัญคือไม่มีใครว่าจ้าง สุดท้ายจึงไม่กล้าออกไปไหน และเวลาทำงานก็รู้สึกเหนื่อยเร็ว หากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคท้าวแสนปมมาช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย เพราะอยากให้ร่างกายดีขึ้น สามารถไปทำงานและใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนคนอื่นๆ บ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือครอบครัวท้าวแสนปม ผู้อาภัพ สามารถโอนเงินเข้ามาได้ที่ ธนาคารออมสิน สาขา อ.สังขะ หมายเลขบัญชี 020075235265 ชื่อบัญชี นายอิน ปัญญาดี / นางสาวกาญจนา ปัญญาดี หรือสามารถโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลและติดต่อช่วยเหลือได้ที่ นายล้ำเลิศ พัวพัฒนโชติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดม หมายเลขโทรศัพท์ 08-1999-8668