สุรินทร์- เมืองช้างเผชิญแล้งฝนทิ้งช่วงขยายพื้นที่ต่อเนื่อง นาข้าวหอมมะลิ 7 อำเภอได้รับผลกระทบเหี่ยวแห้งยืนต้นตายกว่า 1 หมื่นไร่ ชาวนาต้องตัดต้นข้าวให้วัวกิน ขณะบางรายใกล้แหล่งน้ำควักกระเป๋าจ่ายค่าน้ำมันสูบน้ำเข้านาหล่อเลี้ยงต้นข้าวรอฟ้าฝน
วันนี้ (24 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ความแห้งแล้งจากภาวะฝนทิ้งช่วงมานานนับเดือนของ จ.สุรินทร์ ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อนาข้าวของเกษตรกรซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิ เนื่องจากต้นข้าวที่หว่านดำได้ประมาณ 3 เดือนขณะนี้เริ่มเหี่ยวแห้งยืนต้นตายเป็นจำนวนมากขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 7 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง, อ.เขวาสินรินทร์, อ.จอมพระ, อ.ศีขรภูมิ, อ.รัตนบุรี, อ.ท่าตูม และ อ.สำโรงทาบ ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 1 หมื่นไร่
ส่วนนาข้าวในที่ลุ่ม ซึ่งไม่มีน้ำขังหล่อเลี้ยงต้นข้าวก็จะมีต้นวัชพืชขึ้นมาปกคลุมต้นข้าวเต็มทุ่งนาไปหมด ส่วนสระน้ำในทุ่งนาก็ใกล้แห้งขอดมีปริมาณน้ำเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย นอกจากนั้นยังมีลมกระโชกแรงเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวันพัดพาเอาความชุ่มชื้นไปหมด
นายประสาน สายสร้อย ชาวนาบ้านหนองตะคลอง ต.แสลงพันธ์ อ.เมืองสุรินทร์ บอกว่า ปีนี้แล้งหนักมาก ต้นข้าวในนาแห้งตายไปเป็นจำนวนมาก ชาวนาคนไหนมีที่นาใกล้คลองน้ำก็ใช้เครื่องสูบน้ำเข้านาเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าว เสียเงินค่าน้ำมันกว่า 2,000 บาท ส่วนนาในที่ลุ่มขาดน้ำหล่อเลี้ยงก็มีต้นวัชพืช ต้นหญ้าขึ้นเต็มไปหมด หลายรายพากันใช้เครื่องตัดหญ้า ตัดเอาต้นข้าว ต้นหญ้า ไปให้วัวกินเพื่อรอฝนตกลงมาให้ต้นข้าวออกยอดมาใหม่
“หากฝนยังไม่ตกมาในอีกสัปดาห์ต้นข้าวก็จะแห้งตายเสียหายเป็นจำนวนมากแน่นอน เพราะขณะนี้นาข้าวในพื้นที่ ต.แสลงพันธ์แห้งตายไปเป็นจำนวนมากแทบหมดทั้งตำบลอยู่แล้ว เพราะไม่มีแหล่งน้ำที่จะสูบเข้ามาหล่อเลี้ยงนาข้าว” นายประสานกล่าว