ชาวกาฬสินธุ์ร่วมโครงการพัฒนาจัดการน้ำ เตรียมรับมือน้ำท่วมพื้นที่เกษตร

กาฬสินธุ์ - ชาวกาฬสินธุ์กว่า 500 คนร่วมโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อเตรียมรับมือน้ำไหลหลากท่วมพื้นที่การเกษตรและแก้ปัญหาสภาพน้ำเสื่อมโทรม

ที่บริเวณแปลงสาธิตโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยม่วง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านห้วยม่วง ตำบลหนองห้าง อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ นายอภิชัย จึงประภา ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 12 เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรของ จ.กาฬสินธุ์

โดยนายสำนัก กายาผาด เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นำคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ด้านพืชสวน พืชไร่ ประมง และปศุสัตว์ ออกให้บริการประชาชน พร้อมร่วมกับประชาชน 500 คนปล่อยพันธุ์ปลาจำนวน 20,000 ตัวลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยม่วง

นายสำนัก กายาผาด เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า พื้นที่ ต.หนองห้างถือเป็นพื้นที่การเกษตรที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะการเพาะปลูกข้าวอย่างข้าวเหนียวเขาวง และข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพสูงผ่านมาตรฐานจีไอ แต่ด้วยศักยภาพด้านการจัดการน้ำ เมื่อถึงยามแล้งก็แล้งจนนาข้าวเสียหาย เมื่อถึงฤดูฝนก็ถูกน้ำท่วมข้าวเสียหายเช่นกันเพราะมีธารน้ำธรรมชาติไหลพาดผ่านในพื้นที่ และเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาภัยธรรมชาติทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง

ซึ่งระยะน้ำเป็นช่วงต้นฤดูการทำนาของชาวบ้านในพื้นที่ การเข้ามาช่วยพัฒนาระบบการบริหารน้ำระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสียหายในพื้นที่การเกษตรได้ที่จะมีการให้ความรู้ทั้งด้านทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และการที่อ่างเก็บน้ำห้วยม่วง ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ชาวบ้านจะสามารถใช้น้ำได้อย่างคุ้มค่าก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดีด้วย เพราะนอกเหนือจากการได้ใช้น้ำแล้วยังเป็นแหล่งอาหารของครอบครัวและแหล่งเพาะพันธุ์ปลาที่สำคัญด้วย

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับชาวบ้านพัฒนาระบบนิเวศรอบๆ อ่างเก็บน้ำเพื่อป้องกันปัญหาแหล่งน้ำเสื่อมโทรม ซึ่งชาวบ้านจะมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันและรักษาไม่ให้น้ำในอ่างเก็บน้ำกลายเป็นแหล่งน้ำเสียหรือมีพิษ

สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยม่วง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองห้าง อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นโครงการชลประทานขนาดเล็ก สามารถกักเก็บน้ำได้ประมาณ 700,000 ลูกบาศก์เมตร และมีพื้นที่รับประโยชน์จากโครงการฯ ประมาณ 2,900 ไร่ พืชฤดูแล้ง 200 ไร่ ชาวบ้านใน 7 หมู่บ้าน 1,056 ราย