กาญจนบุรี - ตำรวจ ปทส.และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้ายึดสัตว์ป่า 47 ตัว พร้อมซากกระดูกช้าง แจ้งข้อหารักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต เมืองกาญจนบุรี มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตามมาตรา 19 และมาตรา 55 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 "พล.ท.มะ โพธิ์งาม อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย" โผล่พบ จนท.ยันยันนำจระเข้มาถวายให้ทางวัด 1 ตัวจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติได้ทำการอายัดสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าที่วัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต หมู่ 1 ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาเวลา 11 .00 น.วันนี้ (23 ก.ค.55) พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.และ พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.ปทส.ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.5 บก.ปทส. พร้อม พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รอง ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.วรรษธร วาเกียรธนะ สว.กก.5 บก.ปทส. ร.ต.ต.ธีระโชตินุ่นสพ สว.กก.5 บก.ปทส.ร่วมสนธิกำลังกับนายเอิบ เชิงสะอาด ผูอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายครรชิต ศรีนพวรรณ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายประดุง จิตระออน หน.เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ นายสมศักดิ์ เปรมประยูร นักวิชาการป่าไม้ชํานาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายธนบดี เอี่ยมสุขประเสริฐ หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 สปป.ที่ 1 (ภาคกลาง) นายอากรชัย อวยพรชัยรัตน์ เจ้าหน้าที่สายตรวจสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) สาย 2 ทั้งหมดนำกำลังกว่า 50 นาย เดินทางไปวัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต หมู่ 1 ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อยึดสัตว์ป่าคุ้มครองและซากสัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้ตรวจสอบและอายัดไว้ โดยมีพระพัฒนะ ธรรมสาโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ดอยบุญคุ้ม รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต พระปิติ สุจิตโต พระลูกวัดเป็นผู้นำตรวจยึดสัตว์ป่าที่ไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงการครอบครองได้ครั้งมีทีมทนายความของวัดเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ด้วย
โดยขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจยึดอยู่นั้น พล.ท.มะ โพธิ์งาม อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อยันยันว่าได้นำจระเข้มาถวายให้กับทางวัดจำนวน 1 ตัวจริง
โดยผลการตรวจสอบมีสัตว์จำนวนมากไม่มีหลักฐานการขออนุญาตครอบโดยถูกต้องคามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงทำการบันทึกตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครองหลายชนิด คือ หมีความ 1 ตัว จระเข้น้ำจืด 5 ตัว ลิงเสน 2 ตัว และนก ชนิดต่างๆ เช่น นกยูง นกกระลาง หัวหงอก นกกะลางคอดำ นกขุนทอง เหยี่ยวดำ นกขุนแผน นกแขกเต้า นกเขียวหน้าผากทอง นกกระแตแต้แวด นกตีนเทียม นกกบ นกอีโคร่ง นกแฝด เป็นต้น รวมจำนวนสัตว์ป่าที่ตรวจยึดในครั้งนี้ทั้งสิ้น 22 รายการ รวมจำนวน 47 ตัว พร้อมซากกระดูกช้าง 1 ซาก จำนวน 70 ชิ้น
โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อพระพัฒนะธรรมสาโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ดอยบุญคุ้ม รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต ในหามีสัตว์ป่าคุ้มครองและซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและจะมีการขนย้ายสัตว์ป่าของกลางที่ตรวจยึดทั้งหมดไปดูแลรักษาที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสนและ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยเจ้าหน้าที่จะนำของกลางทั้งหมดและควบคุมตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกระทำผิดตามมาตรา 19 และมาตรา 55 ฐานมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานฯต่อไป
นายเอิบ เชิงสะอาด ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า หลังจากทำการตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครอง รวมทั้งซากสัตว์คุ้มครองที่มีอยู่ในความครอบครองของวัดโพธิสัตย์บรรพตนิมิต ในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกนายต่างเข้าใจดีว่าอาจจะมีญาติโยมนำมาถวายให้กับทางวัดด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการร้องเรียนเข้าไปที่กรมฯ เจ้าหน้าที่ก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในการตรวจสอบ
ทั้งนี้สัตว์ที่ตรวจยึดในครั้งนี้ กรมอุทยานจะนำไปเก็บรักษาไว้ ใน 2 ส่วนคือ ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้างจังหวัดราชบุรี โดยทั้ง 2 สถานที่มีความพร้อมเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้รู้เกี่ยวกับการครอบครองสัตว์ป่าชนิดใดก็แล้วแต่ถ้าหากผู้ใดครอบครองสัตว์เหล่านี้ แต่ไม่ได้แจ้งให้กรมอุทยานฯดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาตครอบครองระหว่างปี 2535 และในปี 2546 ผู้ที่ครอบครองอยู่จะมีความผิดตามกฎหมายทันที และในส่วนวัดต่าง ๆ ที่มีสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือมีญาติโยมนำสัตว์ป่าคุ้มครองมาถวายให้ก็ขอให้แจ้งไปที่กรมอุทยานฯ ให้ทราบในทันที หรือโทรแจ้งไปที่สายด่วน 1362 ได้ 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาในคนาคต
ด้าน พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รอง ผกก.5 บก.ปทส. เปิดเผยว่า การตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครองครั้งนี้ มี พระพัฒนะ ธมมสาโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิสัตว์บรรพต คณะเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมแจ้งความประสงค์ในการเข้าทำการตรวจสอบให้พระพัฒนะฯ ได้ทราบและเข้าใจเป็นอย่างดี ได้ยินยอมด้วยความสมัครใจ และทราบเรื่องการตรวจสอบเบื้องต้นตามบันทึกการตรวจสอบอายัดเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้นำพาคณะเจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบสัตว์ป่าตามกรงต่างๆ ภายในวัด ก่อนการตรวจสอบได้แสดงหลักฐานใบรับแบบแจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2546) ซี่งปรากฏรายละเอียดการแจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทต่างๆไว้จำนวน 16 ชนิด
คณะเจ้าหน้าที่สอบถามแล้วทราบว่าในวันนี้ ทางวัดฯมีเพียงหลักฐานการครอบครองสัตว์ป่าเพียงฉบับเดียวคือ ใบรับแบบแจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับที่ 2 (พ.ศ
.2546) ประกอบกับมีนายสมศักดิ์ เปรมประยูร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ เป็นผู้ลงนามใน ใบรับแบบแจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2546) ดังกล่าว เมื่อครั้งดำรงแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 6 รับรองว่า เป็นเอกสารที่ตนได้ลงนามและออกให้แก่พระอภิลักษณ์ ปสันโน จริง ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ใช้ใบรับแบบแจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2546) ที่ทางวัดนำมาแสดงเป็นเอกสารประกอบการตรวจสอบเพื่อเปรียบเทียบกับบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองที่คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดไว้เมื่อวันที่ 20 ก.ค.55
ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า สัตว์ป่าคุ้มครองต่างๆ ถูกแยกขังอยู่ในกรงเลี้ยงสัตว์ที่สร้างขึ้นมาเป็นการถาวรมีบ่อน้ำ มีที่สำหรับให้อาหาร และมีสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่เป็นจำนวนมากถึง 47 ตัว คณะเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของพระพัฒนะฯ เป็นความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งสัตว์ป่า หรือซากสัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 19 และมาตรา 55 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม”
พระพัฒนะ ธรรมสาโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ดอยบุญคุ้ม รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต เปิดเผยว่า หลังจากครูบาเจ้าบุญคุ้ม ปสันโน อดีตเจ้าอาวาสทราบข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.และกรมอุทยานฯ เข้ามาตรวจอายัดสัตว์ป่าที่มีอยู่ในวัด ซึ่งท่านอดีตเจ้าอาวาสก็ไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใดเนื่องจากมองว่าพื้นที่วัดเป็นเขตอภัยทาน หากมีญาติโยมนำสัตว์มาถวายจะเป็นสัตว์ชนิดใดก็แล้วแต่ทางวัดจำเป็นต้องรับไว้เพื่อเลี้ยงดูให้ดีตามความปารถนาของญาติโยมด้วยความบริสุทธิ์ใจ และท่านได้บอกว่า ในเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวดำเนินการตามระเบียบได้เลย
ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ อาตมาไม่ขอออกความคิดเห็น แต่อย่างไรก็ตามอยากจะขอร้องสื่อมวลชนให้ทำข่าวตามความเป็นจริงและกลั่นกรองให้ดีเสียก่อนก่อนที่จะนำเสนอข่าวออกไปเพราะหากนำเสนอข่าวออกไปแต่ไม่ตรงตามความเป็นจริง อาจจะทำให้ทางวัดเสียหายก็เป็นได้ ดังนั้น จึงขอฝากไปยังสื่อมวลชนด้วยและในส่วนของศิษยานุศิษย์หลังจากทราบข่าวก็ไม่มีใครต่อว่าอะไรซึ่งต่างก็เดินทางมาทำบุญตามปกติ อีกทั้งยังเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำเนื่องจากจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของวัดเพราะปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสัตว์ชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ถือว่าต้องใช้เงินมากพอสมควร