ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ระทึก! เพลิงไหม้อาคารสูง 4 ชั้น 2 คูหา ร้านจำหน่ายปลีกส่งชุดนักเรียน-กีฬา และรองเท้ารายใหญ่ชื่อดังกลางเมืองโคราช ระดมรถดับเพลิงเข้าฉีดน้ำนานกว่า 1 ชม.จึงสกัดเพลิงไว้ได้ คาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้าน
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. พ.ต.ท.สืบสกุล เกงขุนทด สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้อาคารห้างหุ้นส่วนจำกัด ทวีผล เลขที่ 54 ถ.อัษฎางค์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายชุดนักเรียนและรองเท้ารายใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลนครนครราชสีมา รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียงรุดไปให้การช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น 2 คูหา เปิดเป็นห้างขายปลีก-ส่งชุดนักเรียน ชุดกีฬา และรองเท้าทุกยี่ห้อ โดยพบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงบริเวณห้องเก็บของบนชั้น 2 และกำลังลุกลามไปยังชั้นที่ 3 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้พยายามลากสายยางเข้าไปฉีดน้ำ แต่เนื่องจากภายในร้านมีสินค้าวางอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับบริเวณบันไดภายในร้านที่ขึ้นไปยังห้องต้นเพลิงมีความคับแคบ ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาในการขึ้นไป แต่ได้แก้ไขโดยการนำรถบันไดสูง 48 เมตรมาช่วยฉีดน้ำเข้าไปจากด้านนอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาดับเพลิงนานกว่า 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังคูหาใกล้เคียงได้
จากการสอบสวนทราบว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทวีผล มี นายธนวัฒน์ ประสิทธิ์พรกุล อายุ 61 ปี เป็นเจ้าของร้าน ขณะเกิดเหตุไม่อยู่ที่ร้าน มีเพียงน้องชาย และพนักงานประจำร้านกว่า 10 คนอยู่ ซึ่งผู้ที่พบไฟไหม้คนแรก คือ น.ส.กัญญารัตน์ เที่ยงกระโทก อายุ 21 ปี พนักงานในร้าน โดยให้การเบื้องต้นว่า ขณะกำลังขึ้นไปหารองเท้ามาให้ลูกค้าที่ห้องเก็บของชั้น 2 เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องตกใจกับกลุ่มควันจำนวนมากอยู่ภายในห้อง สักพักก็เห็นเปลวไฟกำลังลุกไหม้กล่องกระดาษที่เก็บสต๊อกเสื้อผ้าชุดกีฬาอย่างรวดเร็ว พยายามร้องตะโกนบอกเพื่อนพนักงานให้ช่วยกันนำถังดับเพลิงมาช่วยฉีด แต่เนื่องจากภายในห้องมีเสื้อผ้า และรองเท้าที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว
ด้าน พ.ต.ท.สืบสกุล สารวัตรเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร จากการสอบถามเจ้าของร้านพบว่าห้องต้นเพลิงเป็นห้องที่เคยใช้เป็นห้องคอมพิวเตอร์ แต่ต่อมาได้ยกเลิก และใช้เป็นห้องเก็บสต๊อกสินค้าแทน แต่อุปกรณ์พวกสายไฟฟ้ายังมีอยู่ ซึ่งจะได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐานนครราชสีมามาตรวจสอบอีกครั้ง ประเมินความเสียหายเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท