“พระบัวขาว” ยังไม่ลาสิกขา แฉมีกลุ่มชายลึกลับบุกหาตัวถึงบ้าน

สุรินทร์- “พระบัวขาว” ยังไม่ลาสิกขาหลังบวชครบ 7 วัน ขณะพี่สาวเผยยังไม่มีกำหนดสึก ระบุพระบัวขาวต้องการศึกษาพระธรรมอย่างสงบต่ออีกสักระยะ และไม่ต้องการเปิดเผยชื่อวัด แฉมีกลุ่มชายลึกลับแปลกหน้า 3-4 คนขับรถบุกมาถามหาพระบัวขาวถึงบ้านด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวไม่พอใจ “ไอ้ดำ” พบชายหนึ่งในนั้นเคยเป็นเพื่อนร่วมค่าย ป.ประมุข ชี้ต้องระวังความปลอดภัย “พระบัวขาว” เป็นพิเศษ

วันนี้ (13 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านสองหนอง ม.4 ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าข่าวพระบัวขาว หรือ พระสมบัติ บัญชาเมฆ อายุ 30 ปี เจ้าของแชมป์มวยไทยไฟต์ 2011 และแชมป์เควัน ที่ญี่ปุ่น 2 สมัย ขวัญใจชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งได้เข้าพิธีอุปสมบทอย่างเงียบๆ ที่วัดบ้านเกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีกำหนดบวชเป็นเวลา 7 วันก่อนจะลาสิกขาบท ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันนี้ (13 พ.ค.) แต่ปรากฏว่าที่บ้านเลขที่ 13 บ.สองหนอง ม.4 ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระบัวขาวบรรยากาศยังคงเงียบเหงา มีเพียงพี่สาว และญาติพี่น้องอยู่ภายในบ้าน ส่วนเวทีมวยชั่วคราวบริเวณหลังบ้านก็ยังว่างเปล่าไม่การฝึกซ้อมแต่อย่างใด

น.ส.กัญญารัตน์ บัญชาเมฆ อายุ 40 ปี พี่สาวคนโตของพระบัวขาว บอกว่า พระบัวขาวยังไม่ได้ลาสิกขา หรือสึก และยังไม่มีกำหนดลาสิกขาแต่อย่างใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพระบัวขาวเองว่าจะต้องการสึกเมื่อไหร่ ส่วนเรื่องวัดที่จำวัดอยู่ในขณะนี้นั้นพระบัวขาวก็ยังไม่ต้องการให้เปิดเผยเพราะต้องการศึกษาพระธรรมอย่างสงบและไม่ต้องการให้ใครเข้าไปหาในระยะนี้ พร้อมกับบอกอีกว่าขณะนี้จิตใจกำลังโล่งสงบดี จึงอยากบวชอยู่ต่ออีกสักระยะ

น.ส.กัญญารัตน์กล่าวอีกว่า ตนเองก็เป็นห่วงน้องชายมากเช่นกัน บางครั้งก็เครียดไม่อยากติดตามข่าวอะไร ส่วนเกี่ยวกับเรื่องคดีความที่เกิดขึ้นกับทางค่าย ป.ประมุข ตนก็เคยถามพระบัวขาว เพราะอยากให้ไปเคลียร์เรื่องราวให้จบสิ้นไม่อยากให้ยืดเยื้อคาราคาซัง ก็ได้รับคำตอบว่าให้ใจเย็นๆ ปล่อยให้เขาพูดกันไปก่อน ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องปล่อยแล้วแต่พระบัวขาวจะตัดสินใจเอาเอง ส่วนชาวบ้านและประชาชนต่างก็ถามไถ่ถึงข่าวคราวพระบัวขาวด้วยความเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

ด้าน น.ส.อริสยา บัญชาเมฆ อายุ 27 ปี น้องสาวคนเล็กของพระบัวขาว เปิดเผยว่า ช่วงสายวานนี้ (12 พ.ค.) พบกลุ่มชายแปลกหน้า 3-4 คน พร้อมพระภิกษุสงฆ์ 1 รูป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพระสงฆ์แถบ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เดินทางมาด้วยรถยนต์เก๋ง ไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอนซ์ ทะเบียน จ.ภูเก็ต ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เข้ามาขอพบพระบัวขาว และถามว่าพระบัวขาวบวชอยู่ที่วัดไหน ซึ่งขณะนั้นตนอยู่บ้านคนเดียวจึงตอบไปว่าไม่ทราบว่าบวชอยู่ที่วัดไหน ก่อนที่กลุ่มชายดังกล่าวจะขับรถออกไป

จากนั้นหลังหายไปสักพักได้ขับรถวนกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับลงจากรถมาและพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า ทำไมต้องโกหก และได้พูดถึงพระบัวขาวโดยใช้คำว่า “ไอ้ดำ” อีกด้วย ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวไม่พอใจต่างๆ นานาได้สักพัก กลุ่มชายแปลกหน้าดังกล่าวก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายอีกกลุ่มซึ่งเป็นคนงานติดป้ายหาเสียงสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) สุรินทร์ที่กำลังตระเวนหาเสียงอยู่ในพื้นที่ โดยกลุ่มคนงานติดป้ายหาเสียงดังกล่าวได้ผ่านมาและพากันแวะเข้ามาถ่ายรูปที่บ้านไว้เป็นที่ระลึก เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของพระบัวขาวขวัญใจของชาวสุรินทร์

ระหว่างนั้นเองกลุ่มชายแปลกหน้าเริ่มมีอาการผิดสังเกต และพูดกันในกลุ่มว่า ให้ดูดีๆ ใช่นักข่าวหรือเปล่า ก่อนที่จะพากันขึ้นรถแล้วรีบขับออกไป

“ไม่ทราบว่ากลุ่มชายแปลกหน้าจะมาขอพบหลวงพี่บัวขาวทำไม อย่างไรก็ตาม ทราบว่าหนึ่งในกลุ่มชายแปลกหน้าดังกล่าวมีคนชื่อ นายจุน ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งนายจุนเคยอยู่ค่ายเดียวกัน (ป.ประมุข) กับพระบัวขาวและเคยล่อเป้าให้พระบัวขาวซ้อมมวยมาก่อน แต่ไม่ทราบว่าจะมาพบหลวงพี่บัวขาวในช่วงนี้ทำไม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นเข้ามา ฉะนั้นพวกเราจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยของพระบัวขาว” น.ส.อริสยากล่าว