ศรีสะเกษ - “พล.อ.อ.สุกำพล” รมว.กลาโหม พร้อม “ผบ.ทบ.” ร่วม ปล่อยแถว ตชด.ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ “เขาพระวิหาร” ชายแดนไทย-กัมพูชา แทนทหารไทย “รมว.กลาโหม” อ้างเป็นไปตามคำสั่งศาลโลก เชื่อเขมรไม่แหกตาปรับกำลังทหารตามข้อตกลงร่วมกัน ระบุเป็นสัญญาลูกผู้ชายที่เจรจาตกลงกันแล้ว ขณะกลุ่ม ปชช.ชุมนุมเผาหุ่นสาปแช่งค้านถอนทหาร หวั่นไทยเสียดินแดน 4.6 ตร.กม. เผยทหารเขมรดีใจฉลองการถอนกำลังทั้งคืน เช่นเดียวกับพ่อค้าศรีสะเกษเห็นแก่ประโยชน์หนุนเต็มที่
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีจัดส่งและให้โอวาทแก่กำลังพลตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ประมาณ 2 กองร้อย ที่จะขึ้นไปรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวให้โอวาทกับ ตชด. ว่า หลังจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีคำสั่งมาตรการชั่วคราวเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2554 ให้ไทยและกัมพูชาปรับกำลังทหาร ซึ่งอยู่ในเขตปลอดทหารชั่วคราวในบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการให้สอดคล้องกับคำสั่งดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้พวกท่านถือเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยในการพิทักษ์รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ขอให้ท่านเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นอย่างเคร่งครัด และไม่กระทำการใดๆ ที่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ การเข้าไปอยู่ในพื้นที่ขอให้ทุกคนประสานการปฏิบัติกับฝ่ายทหาร รวมทั้งพัฒนาสัมพันธ์กับประชาชนอย่างใกล้ชิด และต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ความความกดดันความยากลำบาก รวมทั้งหากมีการยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม ขอให้นึกถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ตนและผู้บังคับบัญชาจะให้การดูแลเอาใจใส่พวกท่านอย่างเต็มกำลังความสามารถ รวมทั้งด้านสวัสดิการและความเป็นอยู่ต่างๆ โดยจะหมั่นเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจขอให้ทุกคนมีขวัญและกำลังใจที่ดี
หลังจากให้โอวาทแล้วตำรวจตระเวนชายแดนจำนวนประมาณ 2 กองร้อยได้ทยอยกันไปขึ้นรถบรรทุก จำนวน 8 คัน ออกเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณเขาพระวิหาร โดยมีการนำสัมภาระ อาวุธยุทโธปกรณ์ไปด้วยจำนวนมาก เพื่อการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทนทหารไทยที่ปรับถอนกำลังออกมาได้อย่างเต็มที่
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การปรับกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหารเป็นไปตามคำสั่งของศาลโลก ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมปฏิบัติตาม อีกทั้งเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้มีการเจรจาตกลงกันที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ที่จะมีการปรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายออกจากบริเวณเขาพระวิหารในวันนี้ (18 ก.ค.) ตนจึงขอให้กำลังพลทุกนายที่ไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหารปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อไป
ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า การปรับกำลังทหารในครั้งนี้ประเทศไทยมีการปรับกำลังทหารออกไปแล้ว แต่ฝ่ายกัมพูชาจะมีการปรับกำลังทหารจริงหรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า การปรับกำลังทหารเป็นสัญญาลูกผู้ชายที่มีการเจรจาตกลงกันแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะมีการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมกัน ส่วนที่มีข่าวว่าทหารกัมพูชามีการเปลี่ยนชุดมาสวมใส่ชุดพลเรือนเพื่อปักหลักอยู่ที่เขาพระวิหารต่อไปนั้น ตนจะได้ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน ที่บริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มประชาชน นำโดย “กลุ่มกำลังแผ่นดิน” มารวมตัวกันชุมนุมคัดค้านการถอนทหารออกจากเขาพระวิหาร และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นปราศรัย พร้อมทั้งมีการเดินรณรงค์ไปในเขตเทศบาลเมืองกันทรลักษ์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมคัดค้านการถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหาร เนื่องจากเห็นว่าจะทำให้ไทยสูญเสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหารให้กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) ซึ่งเป็นแผ่นดินของไทย
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการเผาหุ่น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีการปรับกำลังทหารไทยออกจากเขาพระวิหารในครั้งนี้ด้วย โดยผู้ชุมนุมระบุว่าเป็นการเผาหุ่นสาปแช่งคนทรยศขายชาติ ซึ่งแทนที่จะผลักดันทหารและประชาชนกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาสร้างชุมชน ตั้งวัด สร้างถนน ในแผ่นดินไทยออกไป แต่กลับถอนกำลังทหารออกมา
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า กรณีที่มีการปรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายออกจากพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ส่งผลในด้านการค้าด้วย โดยคิดว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของการค้าชายแดนที่จะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 10% แต่เนื่องจากด่านของเราเป็นด่านเล็ก ในเวลานี้ยังมียอดการค้าขายไม่สูงนัก ฉะนั้นในแต่ละเดือนน่าจะมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 5-6 ล้านบาทเท่านั้น
ในส่วนของการท่องเที่ยวคงต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ผู้คนเดินทางมาเที่ยวชายแดนด้านนี้ค่อนข้างน้อย แต่คิดว่าหากเป็นไปได้โดยสามารถเปิดตลาดการค้าตรงบริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้ ก็น่าจะนำรายได้เข้าสู่ประชาชนในบริเวณนั้นประมาณเดือนละ 20-40 ล้านบาท
“การปรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายออกจากบริเวณเขาพระวิหารถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่สถานการณ์ความตึงเครียดลดลง เพราะเรามีความต้องการขยายตลาดขายสินค้าบริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ให้ใหญ่ขึ้น แต่หากสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนยังมีอยู่ก็คงโตไม่ได้ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก และเพื่อเป็นการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 อีกด้วย” นายสิริพงศ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดคืนวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหารได้มีการฉลองกันตลอดทั้งคืนด้วยความดีใจที่ได้มีการปรับกำลังทหารในครั้งนี้ เนื่องจากจะได้กลับบ้าน ส่วนทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่รอบเขาพระวิหารก็ได้มีการเคลื่อนย้ายออกมาจากฐานที่ตั้งเดิมตั้งแต่เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ทั้งนี้เพื่อให้ตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่ฐานปฏิบัติการเดิมที่ทหารไทยได้ทำฐานปฏิบัติการเอาไว้ ซึ่งสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารโดยภาพรวมยังคงปกติ โดยมีทหารกัมพูชาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของทหารไทยอย่างใกล้ชิด