ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีรวมพลัง 17 จังหวัดภาคเหนือ ครั้งประวัติศาสตร์ที่เชียงใหม่ ท่ามกลาง พธม.ทั่วไทยที่เดินทางเข้าร่วมแน่นห้อง ปลุกภาค ปชช.ต้านกฎหมายปรองดอง และแก้ไข รธน.ทำลายชาติ ขจัดนักการเมืองชั่วในสภา ปฏิรูปใหญ่การเมืองไทย เตือน “แม้ว” ถูกคนรอบข้างหลอกใช้ สภาพไม่ต่างจากซากศพ
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า การเปิดเวทีเสวนารวมพลัง 17 จังหวัดภาคเหนือเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในจังหวัดภาคเหนือร่วมกันจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์ภูคำ โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อ.เมืองเชียงใหม่ วันนี้ (14 ก.ค.) บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีพันธมิตรฯ จากทั่วทุกภาคเดินทางมาร่วมเวทีมากกว่า 1,500 คน จนแน่นห้องประชุม
แม้จะมีกลุ่มคนเสื้อแดง นปช.เชียงใหม่ ประมาณ 10 กว่าคนนำรถปิกอัพติดเครื่องขยายเสียงมาปิดทางเข้าโรงแรม พร้อมเปิดเครื่องขยายเสียงปราศรัยขับไล่พันธมิตรฯ ตั้งแต่ช่วงสายของวันเดียวกัน นอกจากนี้ ยังพยายามขัดขวางไม่ให้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV โดยมีคนเสื้อแดงบางคนพยายามเข้าไปดึงปลั๊กรถถ่ายทอดสด จนทีมงานถ่ายทอดสดต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยก็ตาม
กระทั่ง เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีพร้อมประกาศต่อหน้าพันธมิตรฯ ที่เข้าร่วมงานจนแน่นห้องว่า ถือเป็นงานครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งตอนแรกตนคิดว่าจะเจอเฉพาะพันธมิตรฯ เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง แต่ปรากฏว่า การเสวนาครั้งนี้มีพี่น้องพันธมิตรฯ จากทุกภาคของประเทศเดินทางมาร่วมงานอย่างคึกคักเกินความคาดหมาย
นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ยังได้รับการร้องขอจากพันธมิตรฯ เชียงใหม่ในการขอตั้งวิทยุชุมชนเพื่อถ่ายทอดสัญญานเสียงจาก ASTVประจำจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากพันธมิตรฯ เชียงใหม่ต้องการฟังการถ่ายทอดตลอดเวลา แม้จะต้องขับรถก็ตาม ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง พล.ต.จำลองจะรับเรื่องส่งให้ส่วนกลาง และหากทางพันธมิตรฯ เชียงใหม่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนี้อย่างไรก็จะต้องมีการปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีว่า เราคงรู้กันอยู่แล้วว่าก่อนหน้านั้นหลวงตามหาบัว ได้เคยทำนายทายทักษิณว่าจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเป็นความจริงในอีกไม่นานมานี้ และตอนนี้น่าจะรู้แล้วว่า ศัตรูที่แท้จริงของประเทศตอนนี้ก็คือ นักการเมืองในสภา
“อยากบอกพี่น้องว่า พวกเสื้อแดงจงเกลียดจงชังศาลมาก และด่าศาลตลอด เขาเลยพยายามที่จะยุบศาลให้ได้ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ และศาลอื่นๆ ที่เขาควบคุมไม่ได้ แต่จะให้เหลือแต่ศาลที่เขาสามารถควบคุมได้เท่านั้น จึงคาดว่าต่อไป การเมืองจะต้องยุ่งยากกว่านี้มาก”
นายสมเกียรติ บอกอีกว่า ยุทธศาสตร์ของทักษิณเท่าที่มีการวิเคราะห์กันไว้นั้น จุดสูงสุดของเขาที่ตั้งไว้คือ เขาจะต้องเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทยให้ได้ โดยมี 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.พ้นผิดทุกคดี 2.เอาเงิน 46,000 ล้านบาทคืนให้หมด 3.เอาอำนาจกลับมาเหมือนเดิม และ 4.เป็นประธานาธิบดีให้ได้
เห็นได้ว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวต้องมีการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ ขั้นแรกก็คือ การเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงโดยเฉพาะที่เปิดได้แล้ว และเป็นจำนวนมากด้วยก็คือ ภาคอีสาน และภาคเหนือ ส่วนที่ภาคใต้ยังไม่สามารถทำได้ เพราะไปทำที่ภูเก็ตก็โดนไล่แทบไม่ทัน
สำหรับกองกำลังของทักษิณนั้นเท่าที่ดูจะมีอยู่ 3 กองกำลังด้วยกันคือ 1.มีแกนนำคือพรรคเพื่อไทย 2.มีกองกำลังจากอีสาน และเหนือรวมกันแล้วประมาณ 6-7 หมื่นคน 3.มีเรดการ์ดที่ส่งไปฝึกที่เขมรประมาณ 5,000 คน และ 4.มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ซึ่งตอนนี้ยังขาดเพียงอำนาจตุลาการ ฉะนั้น ของเราก็มีวิธีเดียวที่พึ่งได้ก็เพียงอำนาจตุลาการเท่านั้น และในส่วนของกองกำลังพันธมิตรฯ มีเพียง 1.แกนนำพันธมิตร และ 2.แนวร่วมมือตบเท่านั้น ฉะนั้น หน้าที่ของเรามี 3 ข้อด้วยกันคือ ต่อต้านกฎหมายทำลายชาติ ต้านกฎหมายปรองดองและการแก้รัฐธรรมนูญ 2.กำจัดนักการเมืองชั่วๆ ในสภาให้ออกไป และ 3.ปฏิรูปใหญ่การเมืองไทย
ด้านนายพิภพ ธงไชย อีกหนึ่งแกนนำพันธมิตรฯ ที่ร่วมขึ้นเวทีเสวนาครั้งประวัติศาสตร์ด้วย ระบุว่า ตอนนี้ ในแวดวงมีการวิเคาระห์กันหลายฝ่ายว่า ทักษิณกำลังถูกใช้โดยคนหลายๆ กลุ่มหลายๆ ฝ่ายด้วยกัน จนทำให้สภาพของทักษิณตอนนี้เหมือนซากศพที่เดินได้ แต่อย่าพูดว่าทักษิณน่าสงสารนะ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นการสมยอมให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เพราะผลประโยชน์รออยู่ข้างหน้า แม้แต่นักการเมืองอเมริกายังใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือเพื่อจะเอาแหล่งน้ำมันในอ่าวไทยของประเทศไทยให้ได้ ทำให้ที่สภาพทักษิณในขณะนี้เพราะคนรอบตัวต่างใช้เป็นเครื่องมือแทบทั้งนั้น
ส่วนทักษิณเองหลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว กลับเงียบกริบยังไม่มีการเคลื่อนไหว หรือแสดงความคิดเห็นอะไร เป็นเพราะใจจริงเขานั้นต้องการให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ได้นานๆ และอยู่ตลอดไป ประกอบกับกำลังมีการตกล่องปล่องชิ้นกับอเมริกา และกัมพูชาในเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ที่รออยู่ข้างหน้า ฉะนั้น ทักษิณตอนนี้เลยทำตัวให้เป็นข่าวน้อยหน่อย และถือว่าศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินพร้อมกันได้ขยายอำนาจให้ประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเป็นการให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำอะไรกันบ้างอย่างไร
“อะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ถือว่าทักษิณเป็นเหยื่อของนักการเมืองไทย เพราะคนที่ไม่เอาทักษิณกลับไม่ใช่พันธมิตรฯ แต่เป็นคนรอบข้างเขานั่นเอง”
นายพิภพกล่าวต่อว่า หันมามองที่พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่เปลี่ยนอดีตนายกฯ หรือหัวหน้าพรรคคนนี้ก็เชื่อได้เลยว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้พรรคเพื่อไทยตลอดกาล
สุดท้าย ตราบใดที่การเมืองยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ตราบใดที่กลุ่มทุนยังเข้ามาครอบงำการเมืองปล่อยให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งเชื่อว่า ทรัพยากรของประเทศไทยเรายังมีอีกจำนวนมหาศาล และถ้ารัฐบาล หรือนักการเมืองไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักถือเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง ต้องเปลี่ยนการเมืองเพื่อประชาชนกันอย่างแท้จริงได้แล้ว