“จำลอง” ไม่หวั่นแดงแห่ไล่ ยันพันธมิตรฯ มาแลกเปลี่ยนความเห็นพัฒนาประเทศ

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “จำลอง” ไม่หวั่นแม้แดงยกพวกไล่พันธมิตรฯ จัดเสวนาที่เชียงใหม่ ระบุต้องมาเพราะเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้อง 17 จว.ภาคเหนือ ยันไม่มีกลัว-มีจัดอีกเรื่อยๆ หลายที่ ด้าน “ปานเทพ-พิภพ” ยันศาลตัดสินชัดแก้ รธน.ต้องประชาพิจารณ์ ถามเพื่อไทยคนสนับสนุนเยอะกลัวอะไร

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการจัดเวทีเสวนา “รวมพลัง 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย” ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จ.เชียงใหม่ ในวันนี้ (14 ก.ค.) ว่า การจัดเสวนาดังกล่าวมีขึ้นเพื่อระดมความคิดเห็นจากพี่น้องพันธมิตรฯ ในเขต 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการปฏิรูปประเทศไทย เพราะระบบการเมืองของประเทศในปัจจุบันไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ จึงจำเป็นที่ประชาชนในทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันคิดและหาแนวทางในการปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมาชุมนุมคัดค้านการเสวนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จังหวัดชียงใหม่นั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่าถือเป็นเรื่องปกติ การจัดงานที่อุดรธานีก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาต่อต้าน อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ จะหวาดกลัวไม่ได้ เนื่องจากการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวของพี่น้องพันธมิตรฯ ในเขตภาคเหนือ 17 จังหวัด อีกทั้งพันธมิตรฯ ไม่ได้มีเป้าหมายมาเพื่อก่อความวุ่นวาย แต่ต้องการมาพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน รวมทั้งการพูดคุยดังกล่าวถือเป็นการจัดกิจกรรมต่อเนื่องที่จะมีการดำเนินการต่อไปในอีกหลายๆ จังหวัดต่อจากนี้

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ผลการตัดสินของศาลได้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่สามารถทำได้ หากจะดำเนินการจำเป็นจะต้องทำประชาพิจารณ์เพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชนก่อน ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยยังดึงดันที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวผ่านการประชุมสภาในวาระ 3 ให้ได้ก็ถือเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยก็ต้องเตรียมพร้อมรับสภาพหากเกิดอะไรขึ้นเพราะถือว่าศาลได้วินิจฉัยแล้ว

ขณะที่นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่ามีเสียงสนับสนุนจำนวนมากเหมือนที่อ้างถึงอยู่เป็นประจำก็ไม่ควรจะวิตกกับเรื่องการทำประชาพิจารณ์ แต่ตนเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่มั่นใจว่าหากทำประชามติจริงๆ แล้ว ประชาชนจะสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่