กาฬสินธุ์ - ตำรวจกาฬสินธุ์จับ 3 มือยิงนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้งแล้ว แต่ผู้ต้องหากลับคำให้การและปฎิเสธ พร้อมค้านประกันตัว ขณะที่ตำรวจเร่งหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
ความคืบหน้าเหตุสะเทือนขวัญ กลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้งเสียชีวิตถึง 3 รายบาดเจ็บ 3 คนโดยเกิดเหตุช่วงใกล้รุ่งของวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งตำรวจได้จับกุมตัว 3 วัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุ และได้เร่งทำการสืบสวนขยายผลหาหลักฐาน
ล่าสุดที่ห้องประชุมชัยสุนทร ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เนื้อนวล ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมชุดสืบสวนได้แถลงผลการจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุไล่ยิงนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้งเสียชีวิต 3 ศพ คือ นายสรรเพชร หรือ เพชร พุทธภูมิ อายุ 20 ปี เป็นนักศึกษาระดับ ปวส.วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ และนักเรียนชั้น ม.5 อายุ 17 ปีโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ และอีกคนเป็นเยาวชนไม่ได้เรียนหนังสืออายุ 17 ปี
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแต่มากลับคำปฎิเสธในภายหลัง โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ตาย แต่ยอมรับว่าในคืนเกิดเหตุได้ไปเที่ยวและออกมาจากสถานบันเทิงในเวลา 03.00 จริง
ด้าน พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การจับกุม 3 ผู้ต้องหาครั้งนี้เป็นไปตามหมายศาลเลขที่ จ.275/2555 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 และศาลเยาวชนและครอบครัว จ.กาฬสินธุ์ ที่ จ.9/2555 ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เนื่องจากพยานหลักฐานผู้เห็นเหตุการณ์รวมถึง ต้นเหตุซึ่งเป็นเรื่องผู้หญิงได้พูดตรงกัน และเบื้องต้นระหว่างทำการสอบสวน ซึ่งตำรวจได้ทำการแยกผู้ต้องหาทั้ง 3 คน สอบ ปรากฏว่าได้ให้การตรงกัน โดยเฉพาะการเล่าถึงพฤติกรรมก่อนเกิดเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิงกับเพื่อนหญิงอีก 3 คน และไปพบกลุ่มผู้ตายมาด้วยกัน 6 คน
ซึ่งระหว่างนั้นกลุ่มผู้ตายได้เดินเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ในโต๊ะและมีการเต้นเหยียบเท้าเขม่นกัน แต่ในผับก็ไม่มีเรื่อง จนเมื่อเที่ยวเสร็จ กลุ่ม ผู้ตายได้ไปจอดแวะซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์ จากนั้น กลุ่มผู้ต้องหาก็ได้ขี่รถผ่านมา จึงได้เกิดมีปากเสียง
โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ขี่รถไปดักรถที่บริเวณหน้าโรงสีใต้ฟ้า บนถนนทุ่งศรีเมือง และเมื่อกลุ่มผู้ตายได้ขี่รถซ้อนท้ายกันมา 2 คัน ก็ได้เปิดฉากด้วยการปาขวดใส่กลุ่มผู้ตาย จากนั้น กลุ่มผู้ต้องหาก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่ทันที จนทำให้กลุ่มผู้ตายเสียชีวิตทันที 1 ศพ จากนั้นก็ขี่รถไล่ยิงไปจนถึงหน้าเต้นท์รถมือสอง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเลี่ยงเมือง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ศพ บาดเจ็บ 3 ราย ทั้งนี้ตามหลักฐานที่พบเป็นปลอกกระสุนปืน กลุ่มคนร้ายได้พยายามที่จะเปลี่ยนกระสุนปืนเพื่อไล่ยิงใหม่ แต่กลุ่มผู้ตายที่เหลือหลบหนีไปได้ จึงทำให้ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ได้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวต่อว่า ภายหลังที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้อยู่รวมกัน ต่างกลับให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ก็เป็นไปตามสิทธิของผู้ต้องหา แต่ตำรวจก็มั่นใจว่าหลักฐานจะมีเพียงพอและสามารถเอาผิดกับ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ ทั้งนี้เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีโทษหนักสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต แต่ในส่วนที่มี กลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุมีอายุ 17 ปี ถึง 2 คนก็ได้ส่งไปยัง สถานพินิจจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่าตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นการก่อเหตุอุกอาจ คดีสะเทือนขวัญเย้ยกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การปฏิเสธ จึงไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพตำรวจจึงต้องเร่งหาหลักฐานโดยเฉพาะอาวุธปืนที่ทราบว่าผู้ต้องหาได้นำไปทิ้งไว้อยู่ในหนองน้ำในเขตตำบลเหนือ และได้ทำการออกหมายค้นเข้าไปค้นบ้านผู้ต้องหาทั้ง 3 คน
ขณะที่นายบุญจันทร์ ธาตะนะ อายุ 46 ปี พ่อของ นายจีระศักดิ์ ธาตะนะ อายุ 20 ปื นักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้ง ผู้ตาย กล่าวว่า ถึงแม้ทั้ง 3 คน จะปฏิเสธแต่ก็เชื่อในฝีมือของตำรวจและกระบวนการยุติธรรม และควรที่จะเข้าไปหัวอกของคนที่เป็นพ่อแม่ ว่าเจ็บช้ำขนาดไหน ซึ่งหากเป็นผู้ลงมือจริงก็ขอให้รับสารภาพและไปขอขมาศพลูกชาย ในส่วนของคดีความก็ถือว่าเป็นการชดใช้กรรม ที่ต้องการให้ดำเนินคดีตามกฏหมายสูงสุดโดยไม่ละเว้น
“สิ่งที่ต้องการนับจากนี้ อีกเรื่องคงเป็นความเอาใจใส่ของครูผู้ดูแล นักเรียน นักศึกษา ขณะที่ไปฝึกงาน ในสายอาชีพ จะไม่มีการติดตามหรือตรวจสอบ เรื่องนี้คงเป็นสิ่งที่จะต้องจดจำและต้องแก้ไขให้ดีขึ้นด้วย"
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตามสถานบันเทิงในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ภายหลังจากเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ส่งผลให้สถานบันเทิงไม่คึกคักเช่นเคย และไม่พบนักเที่ยวไปดื่นกินตามปกติเพราะหวาดผวาว่าจะถูกกลุ่มมือปืนวันรุ่นบ้าระห่ำไล่ยิงฟรี