อบต.เหนือถกจุดเปลี่ยนประเทศ ชูมือหนุนตั้งพรรคท้องถิ่นไทย

สุโขทัย - ผู้บริหาร อบต.ทั่ว 16 จังหวัดภาคเหนือร่วมโต๊ะถกจุดเปลี่ยนประเทศไทย ชูมือหนุนตั้งพรรคท้องถิ่นไทย ส่งคนเข้านั่งในสภาฯ ปลดแอกจาก ส.ส.-ขรก. เด็กนักการเมือง พร้อมยก 4 ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยกโครงการประชานิยมออกจากงบท้องถิ่น-จัดเงินเสี่ยงภัยให้ จนท.ท้องถิ่น 3 จชต./4 อำเภอของสงขลาตามจริง

รายงานข่าวจากจังหวัดสุโขทัยแจ้งว่า สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทยได้จัดประชุมสัมมนาจุดเปลี่ยนประเทศไทย ภายใต้บทบาทท้องถิ่น (ภาคเหนือ) ที่ห้องประชุมโรงแรมไพลิน จ.สุโขทัย วานนี้ (11 ก.ค.) โดยมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ 16 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิด และเห็นชอบร่วมกันที่มีการจัดตั้งพรรคการเมือง “พรรคท้องถิ่นไทย” เป็นตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร

นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ เลขาธิการสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรท้องถิ่นทั้ง อบต. เทศบาล และ อบจ. เป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน และกว่า 65 ล้านคนอยู่ภายใต้การดูแล ขณะที่คนในเขต อบต.นั้นเปรียบเสมือนประชาชนชั้น 2 ของประเทศ เพราะได้รับงบประมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาคน และท้องถิ่น

สมาคมฯ จึงได้จัดตั้งพรรคท้องถิ่นไทย ส่งตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ เพื่อผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ และให้ได้มาซึ่งงบประมาณที่เป็นธรรม และเพียงพอต่อการพัฒนาคน และท้องถิ่นต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 ประเด็นสำคัญที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้เรียกร้องต่อรัฐบาล คือ 1.) เรื่องการเบิกจ่ายเงินค่าครองชีพข้าราชการ พนักงานท้องถิ่น 15,000 บาท และ 9,000 บาท ตามนโยบายของรัฐที่พบว่ามีปัญหา จึงขอให้รัฐบาลแจ้งชะลอการจ่ายเงินดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่ารัฐจะแก้ปัญหา และจัดสรรงบประมาณชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนต่างขององค์กรท้องถิ่นได้

2.) เรื่องการเบิกจ่ายเบี้ยเสี่ยงภัยแก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา คนละ 2,500 บาทต่อเดือน แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่ารัฐบาลได้จัดสรรให้เพียงคนละ 1,500 บาทต่อเดือนเท่านั้น ทำให้ท้องถิ่นต้องเบิกจ่ายงบประมาณของตนเองเพิ่มให้อีกคนละ 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าที่องค์กรท้องถิ่นจะรับผิดชอบได้ จึงขอให้รัฐบาลจัดสรรเงินสัดส่วนดังกล่าวให้ครบถ้วนด้วย

และ 3.) สัดส่วนรายได้ปีงบประมาณ 2556 สืบเนื่องจากปีงบประมาณ 2555 รัฐบาลได้นำนโยบายประชานิยมมาตั้งไว้ที่สัดส่วนรายได้ท้องถิ่น เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ เงิน อสม. ฯลฯ ทำให้หมวดเงินลงทุนของท้องถิ่นมีไม่เพียงพอต่อการพัฒนา และยังขยายกรอบงบประมาณของหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอยู่ในสัดส่วนรายได้ท้องถิ่นนั้น เป็นการไม่กระจายงบประมาณสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

จึงขอให้รัฐบาลจัดสรรเงินสัดส่วนรายได้ท้องถิ่น โดยนำโครงการประชานิยมของรัฐออกจากสัดส่วนรายได้ของท้องถิ่น และนำไปตั้งไว้กับกระทรวงที่รับผิดชอบโดยตรง รวมถึงลดสัดส่วนเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ และนำไปเพิ่มสัดส่วนเงินอุดหนุนตามอำนาจหน้าที่ หรือเงินประกันรายได้ของ อบต. ขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่มีการจัดตั้งพรรคการเมืองให้เป็นตัวแทนของคนท้องถิ่น อบต. เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ นั้น ปรากฏว่าทุกเสียงในที่ประชุมต่างก็เห็นด้วย เพราะต้องการหลุดพ้นจากห่วงโซ่อำนาจของ ส.ส. และข้าราชการที่เป็นเด็กนักการเมือง ซึ่งตรงกับแนวคิดของผู้บริหาร อบต. ในพื้นที่จังหวัดภาคอีสาน ที่ต่างก็เห็นด้วยเช่นกันในการจัดตั้งพรรคท้องถิ่นไทยครั้งนี้