ASTVผู้จัดการ - พันธมิตรฯ เหยียบเมืองหลวงเสื้อแดง เปิดเวทีเสวนา “หยุดการเมืองเลว ร่วมปฏิรูปประเทศไทย” กลางเมืองอุดรฯ ชูประเด็นผนึกพลังเดินหน้าสร้างจิตสำนึกพี่น้องคนไทยให้เข้าใจการปกครองระบบ ปชต.ที่แท้จริง ชี้ 80 ปี ปชช.เป็นแค่ “ลูกจ้าง” นักการเมืองเลวรอรับแค่เศษเงินโกงกิน ถูกครอบงำด้วยนโยบายประชานิยม
วานนี้ (1ก.ค.) ที่โรงแรมอุดรโฮเต็ล อ.เมือง จ.อุดรธานี เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใน จ.อุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสานจำนวนมากเดินทางร่วมรับฟังเวทีเสวนา “หยุดการเมืองเลว ร่วมปฏิรูปประเทศไทย”โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ที่นั่งภายในห้องประชุมไม่เพียงพอจนล้นออกมาด้านนอก โดยมีการตั้งจอโปรเจคเตอร์ให้ได้รับฟังกัน
สำหรับวิทยาการที่ร่วมเสวนาให้ข้อมูลความรู้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, ดร.ณรงค์ โชควัฒนา, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายพิภพ ธงชัย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พ.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ และนายประพันธ์ คุณมี มีนายยุทธยง ลิ้มเลิศวาที เป็นผู้ดำเนินรายการ
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยนั้นทางตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นายมาค่อยรักษาความปลอดภัยโดยรอบสถานที่จัดงานและมีการตั้งด่าน ตั้งจุดสกัดกั้น กว่า 8 จุด เนื่องจากในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้มีการตั้งเวทีปราศรัยที่ทุ่งศรีเมืองเช่นกัน
ดร.ณรงค์ กล่าวถึงการปฏิรูปประเทศไทยว่า ก่อนอื่นต้องปฏิรูปการเมืองก่อน เพราะนักการเมืองมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ระบบการเมืองไทยนั้นกระทำกับประชาชนเหมือนเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจ คือ คณะรัฐบาล หากไม่เปลี่ยนแปลงนักการเมืองก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอื่นๆ ของชาติได้ นักการเมืองไทยคือตัวปัญหาสำคัญที่สุดของชาติเพราะเห็นการเล่นการเมืองเป็นธุรกิจ คนเลวคนชั่วต่างหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามากุมอำนาจรัฐแล้วก็ตั้งหน้าตั้งถอนทุนคืนจากที่ได้ทุ่มเงินซื้อเสียงประชาชนให้เลือกตัวเองเข้าไปในสภาฯ
“เมื่อมีอำนาจแล้วคนพวกนี้จะทุจริตโกงกินทุกรูปแบบ แก้กฏหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทุจริต โดยอ้างเสียงส่วนใหญ่ในสภา เสียงข้างน้อยไม่มีความหมายแม้รู้อยู่เต็มว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันผิดกฎหมายผิดจริยธรรม”
ดร.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ทางออกของการปฏิรูปการเมืองไทยในขณะนี้คือการปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ล้างธุรกิจการเมืองให้หมดไป เผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งถือเป็นเผด็จการที่เลวร้ายที่สุด ชั่วร้ายกว่าเผด็จการที่มาจากทหารหลายเท่าตัว กรณีพรรคเพื่อไทยเองก็อ้างแต่เสียงสนับสนุนจากประชาชน 15 ล้านเสียงที่เลือกพวกเขาเข้าไปและเชื่อว่าจะโกงกิน อย่างไรก็มีความชอบธรรมเพราะมาจากการเลือกตั้ง ที่สำคัญเผด็จการจากการเลือกตั้งที่การเมืองไทยเป็นอยู่นี้ไล่ยากมาก เพราะอ้างมวลชนเป็นเครื่องมือ ไล่ชุดนี้ออกไปแล้ว ชุดใหม่เข้ามาก็เป็นกลุ่มนักการเมืองเดิม
ดังนั้น พวกเราต้องช่วยกันให้ความรู้ ให้ข้อมูลสร้างจิตสำนึกในหมู่ประชาชน รวมถึงฐานเสียง 15 ล้านเสียงของเพื่อไทยว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ไม่ใช่การเลือกบรรดาส.ส.เข้าไปสภาเพื่อเป็น “นาย”ของประชาชนเพื่อปกครองมอมเมาประชาชนด้วยนโยบายประชานิยมไม่ให้พึ่งตนเองได้ เห็นชาวบ้านเป็นแค่ลูกจ้าง แล้วเอาภาษีชาติไปโกงกิน
"ถึงเวลาแล้วที่ต้องปฏิรูปการเมืองใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเสียที จากปี 2475 ถึง 2555 ยาวนานร่วม 80 ปี ประชาชนคนไทยยังไม่เคยได้เป็น “นาย”เป็นแค่ลูกจ้างนักการเมือง เป็นนายนักเลือกตั้งเหล่านี้แค่ 4 วินาทีตอนเข้าคูหากากบาท เราต้องเป็นนายทั้งก่อนเลือกตั้ง ระหว่างเข้าคูหาและหลังเลือกตั้ง ต้องมองว่านักการเมืองเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ส่วนข้าราชการเป็นลูกจ้างประจำ คนพวกนี้ต้องรับใช้ประชาชนทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ใช้อำนาจที่มีอยู่ทุจริตโกงกิน"
นายพิภพ กล่าวว่า เราจะเปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งไม่ได้แต่ต้องเปลี่ยนจิตสำนึกของคนก่อนถึงจะเปลี่ยนการเมืองได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ก่อนสิ้นปีน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไล่ไปตั้งแต่เปิดสภาฯ ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ร่าง พ.ร.บ. 4 ฉบับพรรคเพื่อไทยต้องผลักดันเข้าสู่สภาอีกแน่ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมถอยหากต้องการกลับมาเป็นใหญ่อีกเขาต้องสู้ให้ถึงที่สุดโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติ มีแต่พลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้นที่จะหยุดเขาและพวกพ้องได้
“ที่ต้องจับตาในอีกไม่กี่วันนี้กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะเป็นการล้มการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ผลจะออกมาอย่างไรเป็นเรื่องที่ชี้วัดทิศทางการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง"
นายสมเกียรติ กล่าวถึงหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่เคยเทศน์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงอยากเป็นประธานาธิบดี หากยังไม่เลิกความคิดชั่ว ระวังจะมีจุดจบเหมือนพระเทวทัต ทั้งเคยระบุไว้ว่า ทักษิณจะไม่มีแผ่นดินอยู่ แม้แต่ชีวิตก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ซึ่งคำทำนายขององค์หลวงตามหาบัว ถึงวันนี้ใกล้ความจริงขึ้นทุกขณะ ขณะเดียวกันการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อประเทศชาติและปกป้องสถาบันนั้น เริ่มเห็นผลบ้างแล้ว คนชั่วอย่างนายขวัญชัย ไพรพนา ได้ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือนอยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นศาล
"พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องที่เหิมเกริมไม่หยุดแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ตั้งพรรคการเมืองเป็นของตนเอง จัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นมาต่อสู้เวทีนอกสภา ทั้งจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อดำ ทางกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงต้องออกมาแสดงพลังไม่ให้คนเหล่านี้เหิมเกริม โดยจะมีวิธีการหยุดยั้ง นับตั้งแต่การกระซิบถึงคนทำลายศาลก่อน จากนั้นจะส่งหนังสือเตือน และใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เชื่อว่าการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯจะได้รับชัยชนะในเร็ววันนี้ ซึ่งจะมีการจัดเวทีฉลองชัยชนะ ให้ความรู้ด้านการปฏิรูปการเมืองที่ จ.อุดรธานีอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะจัดให้ยิ่งใหญ่ และน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้"
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวเป็นคนสุดท้าย พร้อมตั้งข้อสังเกตุการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของสหรัฐอเมริกาว่า ในขั้นตอนการเจรจา ทำไมการเจรจาขออนุญาตใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อการศึกษาชั้นบรรยากาศ ทำไมรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จึงต้องให้เสนาธิการทหารสูงสุดของกองทัพอเมริกา มาเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งการเจรจาดังกล่าว จะปฏิเสธประเด็นความมั่นคงได้อย่างไร
ทั้งนี้ ผู้นำประเทศไทย ควรพิจารณาผลได้-ผลเสีย ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป ไม่ใช่สรุปเพียงแค่ว่า ประเทศไทยได้รับประโยชน์ และรีบด่วนแจ้งต่อสาธารณะชนทันที หลังจากนั้นกลุ่มแกนนำพันธมิตรและทีมวิทยากร ได้เดินทางกลับและยุติเวทีเสวนา
วานนี้ (1ก.ค.) ที่โรงแรมอุดรโฮเต็ล อ.เมือง จ.อุดรธานี เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใน จ.อุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสานจำนวนมากเดินทางร่วมรับฟังเวทีเสวนา “หยุดการเมืองเลว ร่วมปฏิรูปประเทศไทย”โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ที่นั่งภายในห้องประชุมไม่เพียงพอจนล้นออกมาด้านนอก โดยมีการตั้งจอโปรเจคเตอร์ให้ได้รับฟังกัน
สำหรับวิทยาการที่ร่วมเสวนาให้ข้อมูลความรู้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, ดร.ณรงค์ โชควัฒนา, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายพิภพ ธงชัย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พ.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ และนายประพันธ์ คุณมี มีนายยุทธยง ลิ้มเลิศวาที เป็นผู้ดำเนินรายการ
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยนั้นทางตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นายมาค่อยรักษาความปลอดภัยโดยรอบสถานที่จัดงานและมีการตั้งด่าน ตั้งจุดสกัดกั้น กว่า 8 จุด เนื่องจากในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้มีการตั้งเวทีปราศรัยที่ทุ่งศรีเมืองเช่นกัน
ดร.ณรงค์ กล่าวถึงการปฏิรูปประเทศไทยว่า ก่อนอื่นต้องปฏิรูปการเมืองก่อน เพราะนักการเมืองมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ระบบการเมืองไทยนั้นกระทำกับประชาชนเหมือนเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจ คือ คณะรัฐบาล หากไม่เปลี่ยนแปลงนักการเมืองก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอื่นๆ ของชาติได้ นักการเมืองไทยคือตัวปัญหาสำคัญที่สุดของชาติเพราะเห็นการเล่นการเมืองเป็นธุรกิจ คนเลวคนชั่วต่างหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามากุมอำนาจรัฐแล้วก็ตั้งหน้าตั้งถอนทุนคืนจากที่ได้ทุ่มเงินซื้อเสียงประชาชนให้เลือกตัวเองเข้าไปในสภาฯ
“เมื่อมีอำนาจแล้วคนพวกนี้จะทุจริตโกงกินทุกรูปแบบ แก้กฏหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทุจริต โดยอ้างเสียงส่วนใหญ่ในสภา เสียงข้างน้อยไม่มีความหมายแม้รู้อยู่เต็มว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันผิดกฎหมายผิดจริยธรรม”
ดร.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ทางออกของการปฏิรูปการเมืองไทยในขณะนี้คือการปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ล้างธุรกิจการเมืองให้หมดไป เผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งถือเป็นเผด็จการที่เลวร้ายที่สุด ชั่วร้ายกว่าเผด็จการที่มาจากทหารหลายเท่าตัว กรณีพรรคเพื่อไทยเองก็อ้างแต่เสียงสนับสนุนจากประชาชน 15 ล้านเสียงที่เลือกพวกเขาเข้าไปและเชื่อว่าจะโกงกิน อย่างไรก็มีความชอบธรรมเพราะมาจากการเลือกตั้ง ที่สำคัญเผด็จการจากการเลือกตั้งที่การเมืองไทยเป็นอยู่นี้ไล่ยากมาก เพราะอ้างมวลชนเป็นเครื่องมือ ไล่ชุดนี้ออกไปแล้ว ชุดใหม่เข้ามาก็เป็นกลุ่มนักการเมืองเดิม
ดังนั้น พวกเราต้องช่วยกันให้ความรู้ ให้ข้อมูลสร้างจิตสำนึกในหมู่ประชาชน รวมถึงฐานเสียง 15 ล้านเสียงของเพื่อไทยว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ไม่ใช่การเลือกบรรดาส.ส.เข้าไปสภาเพื่อเป็น “นาย”ของประชาชนเพื่อปกครองมอมเมาประชาชนด้วยนโยบายประชานิยมไม่ให้พึ่งตนเองได้ เห็นชาวบ้านเป็นแค่ลูกจ้าง แล้วเอาภาษีชาติไปโกงกิน
"ถึงเวลาแล้วที่ต้องปฏิรูปการเมืองใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเสียที จากปี 2475 ถึง 2555 ยาวนานร่วม 80 ปี ประชาชนคนไทยยังไม่เคยได้เป็น “นาย”เป็นแค่ลูกจ้างนักการเมือง เป็นนายนักเลือกตั้งเหล่านี้แค่ 4 วินาทีตอนเข้าคูหากากบาท เราต้องเป็นนายทั้งก่อนเลือกตั้ง ระหว่างเข้าคูหาและหลังเลือกตั้ง ต้องมองว่านักการเมืองเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ส่วนข้าราชการเป็นลูกจ้างประจำ คนพวกนี้ต้องรับใช้ประชาชนทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ใช้อำนาจที่มีอยู่ทุจริตโกงกิน"
นายพิภพ กล่าวว่า เราจะเปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งไม่ได้แต่ต้องเปลี่ยนจิตสำนึกของคนก่อนถึงจะเปลี่ยนการเมืองได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ก่อนสิ้นปีน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไล่ไปตั้งแต่เปิดสภาฯ ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ร่าง พ.ร.บ. 4 ฉบับพรรคเพื่อไทยต้องผลักดันเข้าสู่สภาอีกแน่ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมถอยหากต้องการกลับมาเป็นใหญ่อีกเขาต้องสู้ให้ถึงที่สุดโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติ มีแต่พลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้นที่จะหยุดเขาและพวกพ้องได้
“ที่ต้องจับตาในอีกไม่กี่วันนี้กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะเป็นการล้มการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ผลจะออกมาอย่างไรเป็นเรื่องที่ชี้วัดทิศทางการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง"
นายสมเกียรติ กล่าวถึงหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่เคยเทศน์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงอยากเป็นประธานาธิบดี หากยังไม่เลิกความคิดชั่ว ระวังจะมีจุดจบเหมือนพระเทวทัต ทั้งเคยระบุไว้ว่า ทักษิณจะไม่มีแผ่นดินอยู่ แม้แต่ชีวิตก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ซึ่งคำทำนายขององค์หลวงตามหาบัว ถึงวันนี้ใกล้ความจริงขึ้นทุกขณะ ขณะเดียวกันการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อประเทศชาติและปกป้องสถาบันนั้น เริ่มเห็นผลบ้างแล้ว คนชั่วอย่างนายขวัญชัย ไพรพนา ได้ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือนอยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นศาล
"พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องที่เหิมเกริมไม่หยุดแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ตั้งพรรคการเมืองเป็นของตนเอง จัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นมาต่อสู้เวทีนอกสภา ทั้งจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อดำ ทางกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงต้องออกมาแสดงพลังไม่ให้คนเหล่านี้เหิมเกริม โดยจะมีวิธีการหยุดยั้ง นับตั้งแต่การกระซิบถึงคนทำลายศาลก่อน จากนั้นจะส่งหนังสือเตือน และใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เชื่อว่าการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯจะได้รับชัยชนะในเร็ววันนี้ ซึ่งจะมีการจัดเวทีฉลองชัยชนะ ให้ความรู้ด้านการปฏิรูปการเมืองที่ จ.อุดรธานีอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะจัดให้ยิ่งใหญ่ และน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้"
ด้าน พล.ต.จำลอง กล่าวเป็นคนสุดท้าย พร้อมตั้งข้อสังเกตุการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของสหรัฐอเมริกาว่า ในขั้นตอนการเจรจา ทำไมการเจรจาขออนุญาตใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อการศึกษาชั้นบรรยากาศ ทำไมรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จึงต้องให้เสนาธิการทหารสูงสุดของกองทัพอเมริกา มาเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งการเจรจาดังกล่าว จะปฏิเสธประเด็นความมั่นคงได้อย่างไร
ทั้งนี้ ผู้นำประเทศไทย ควรพิจารณาผลได้-ผลเสีย ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป ไม่ใช่สรุปเพียงแค่ว่า ประเทศไทยได้รับประโยชน์ และรีบด่วนแจ้งต่อสาธารณะชนทันที หลังจากนั้นกลุ่มแกนนำพันธมิตรและทีมวิทยากร ได้เดินทางกลับและยุติเวทีเสวนา