ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ภาค ปชช. 5 องค์กร กว่า 1 พันคน ฮือรวมพลังหน้า “ย่าโม” เปิดเวที เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ปกป้องศาล ค้านชำเรา รธน. เรียกร้อง “เพื่อแม้ว” แก๊งหางเแดง หยุดคุกคามศาล พร้อมเคลื่อนพลยื่น “ทภ. 2” จี้กองทัพเร่งผลักดันชุมชนกัมพูชา-ทหารเขมรพ้นแผ่นดินไทย “เขาพระวิหาร” และชายแดนไทยทุกจุด ซัดหากทหารไม่ทำหน้าที่ขอให้มอบอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ ปชช.เพื่อต่อสู้รักษาอธิปไตยของชาติแทน ขณะ “เสื้อแดง” เตรียมเปิดเวทีประชัน หนุนแก้ รธน.-ดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ล้างผิด “พ่อแม้ว” ท่ามกลางตำรวจคุมเข้ม แต่ไม่มีเหตุรุนแรง
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่บริเวณสวนอนุสรณ์สถาน ข้างลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน จาก 5 องค์กร ประกอบด้วย สมาพันธ์เกษตรกรไทย, สภาเกษตรกรไทยแห่งชาติ, เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย (อีสานใต้-ตะวันออก) และสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย รวมกว่า 1,000 คน นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาฯ, นพ.ประทีป ตลับทอง ประธานเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย, นายเพชร ปัตตาละทะ ประธานสมาพันธ์เกษตรกรไทย, นายสวัสดิ์ จักษ์พุทรา ประธานสภาเกษตรกรไทยฯ และ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการ ได้รวมตัวชุมนุมแสดงพลัง พร้อมเปิดเวทีปราศรัย “เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ” รวมทั้งต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่วมปกป้องผืนแผ่นดินไทย 4.6 ตารางกิโลเมตร ชายแดนเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ
พร้อมกันนี้ ภายในงานได้มีการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพิ่มเติม สมทบรายชื่อที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้จำนวน 4.6 แสนรายชื่อ เพื่อส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ในการเรียกร้องให้ศาลโลกจำหน่ายคดีปราสาทเขาพระวิหาร กรณีกัมพูชายื่นฟ้องให้ตีความคดีประสาทพระวิหาร ปี 2505 ในเรื่องเขตแดน และแสดงเจตนารมณ์ประชาชนไทยคัดค้านอำนาจศาลโลก
นายสวัสดิ์ จักษ์พุทรา ประธานสภาเกษตรกรไทยแห่งชาติ ได้อ่านแถลงการณ์ของผู้ชุมนุม มีสาระสำคัญ ระบุว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้ ได้มีการเคลื่อนไหวจากพรรคการเมืองบางพรรค และกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ประกาศย้ำไม่ยอมรับ ไม่ให้ความเคารพต่อสถาบันตุลาการ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสถาบันหลัก 1 ใน 3 ของอำนาจอธิปไตยที่ใช้ปกครองประเทศ อันเป็นอำนาจถ่วงดุลกันระหว่างอำนาจนิติบัญญัติ (รัฐสภา), อำนาจบริหาร(รัฐบาล) และอำนาจตุลาการ (ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลอื่นๆ) ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้บิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมืองอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการข่มขู่อำนาจตุลาการโดยศาลรัฐธรรมนูญให้ไม่มีศักยภาพในการใช้อำนาจตามหน้าที่ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มบุคคลบางพวกได้เคลื่อนไหว กระทำการออกล่ารายชื่อ เพื่อถอดถอนคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ได้ดำเนินการโดยชอบในการชะลอการพิจารณาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการชั่วคราวของรัฐสภา ล่าสุด มีการออกมาชุมนุมของพรรคการเมืองบางพรรค และกลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำกลุ่ม นปช. ได้ประกาศในเชิงข่มขู่ต่อความปลอดภัยในชีวิตของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าว พวกเราในฐานะคนไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ รวมถึงการกระทำที่มีเจตนารมณ์อันแอบแฝง ที่เป็นการจาบจ้วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงถือว่ากลุ่มบุคคล และพรรคการเมืองดังกล่าวได้กระทำการเคลื่อนไหวโดยมิได้ยึดถือเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมิได้ยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง
พวกเราจึงขอแสดงเจตนารมณ์ เรียกร้องให้พรรคการเมือง และกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ยุติการเคลื่อนไหวใดๆ โดยเด็ดขาด และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมแสดงพลัง เพื่อปกป้องรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนำความสงบเรียบร้อยมาสู่บ้านเมืองให้ได้โดยเร็วที่สุด
ด้าน นพ.ประทีป ตลับทอง ประธานเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย ได้อ่านแถลงการณ์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย เคยยื่นหนังสือต่อกองทัพภาพที่ 2 ให้ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติมาแล้วเมื่อ เดือน มี.ค. 2555 นับจากวันนั้น ปัญหาการยึดครองและรุกล้ำอธิปไตยของไทยยังคงเกิดขึ้น และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่มั่นคงแข็งแรง ขยายชุมชนและการแสดงสิทธิเหนือพื้นที่ โดยไม่ได้มีการผลักดันจากทางการเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยในหลายพื้นที่
ฉะนั้น ในวันนี้ เราจึงขอเรียกร้องไปยังกองทัพไทย และกองทัพภาคที่ 2 ได้เร่งดำเนินการดังต่อไปนี้ คือ เร่งผลักดันชุมชนกัมพูชา และทหารกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทยชายแดนด้าน เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และในทุกจุดโดยไม่ชักช้า หากกำลังทหารในกองทัพไม่เพียงพอให้กองทัพประกาศเรียกกำลังพลสำรองมาเสริมในกองทัพโดยด่วน เพื่อปฏิบัติภารกิจศักดิ์สิทธิ์สำคัญยิ่งนี้
และหากกองทัพไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่กล่าวมา ขอให้กองทัพได้ใจกว้าง และสนับสนุนเครือข่ายฯ รวมทั้งประชาชนชาวไทยให้ยืมเครื่องมือยุทโธปกรณ์ และเครื่องทุ่นแรงอื่นๆ ของกองทัพเพื่อนำไปใช้ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ เมื่อปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นแล้ว พวกเราจะนำเครื่องมือดังกล่าวมาส่งคืนให้กองทัพต่อไป
จากนั้น ทางกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน 5 องค์กร ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึก เรื่อง เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ปกป้องสถาบันตุลาการ และคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายวิจิต กิจวิรัตน์ ป้องกันจังหวัดนครราชสีมาเดินทางมารับหนังสือดังกล่าวบนเวที พร้อมรับปากจะส่งต่อให้ผู้ว่าฯ นครราชสีมา และรัฐบาลต่อไป
ส่วนข้อเรียกร้องการปกป้องอธิปไตยชายแดนเขาพระวิหาร และแผ่นดินไทยนั้น กลุ่มเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย ได้ส่งตัวแทนเดินทางไปยื่นหนังสือเปิดผนึกให้แก่กองทัพภาคที่ 2 ที่ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ก่อนสลายการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่กลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนทั้ง 5 องค์กร มีการจัดเวทีปราศรัยที่บริเวณสวนอนุสรณ์สถาน ข้างลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อยู่นั้น ในพื้นที่ติดกัน ที่บริเวณสวนรักษ์ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เช่นกัน กลุ่มคนเสื้อแดงโคราชได้จัดเตรียมเวทีขนาดใหญ่เพื่อจัดงาน “สร้างความปรองดองเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ” ซึ่งจะมีแกนนำคนสำคัญของ นปช. และพรรคเพื่อไทย เดินทางมาเปิดเวทีปราศรัยในช่วงค่ำของวันเดียวกันนี้ (29 มิ.ย.) ท่ามกลางการจัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด