ประจวบคีรีขันธ์ - รอง ผบช.ภาค 7 พร้อม ผบก.สืบสวนสอบสวนภูธรภาค 7 ผบก.ประจวบคีรีขันธ์ เรียกประชุม ผกก.สภ.ในหลายท้องที่กลางดึกนานหลายชั่วโมง เร่งล่า 2 คนร้าย บุกปล้นร้านทองทับสะแกได้ทองมูลค่ากว่า6ล้าน พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบ 2 คนร้ายน่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน และแจกจ่ายภาพรถ จยย.พร้อมรูปคนร้ายให้ตำรวจ และสื่อมวลชนเพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนร้าย ขณะที่เจ้าของร้านทองตั้งรางวัลให้ผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้าย และนำทองมาคืนได้ 1 ล้านบาท
ขอบคุณคลิปข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี 2 คนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยาว 2 กระบอก บุกเข้าปล้นทองรูปพรรณที่ร้านทองงามศิลป์ 2 ในเขตเทศบาลตำบลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วานนี้ (27 มิ.ย.) ซึ่งคนร้ายได้ทองรูปพรรณไปประมาณ 250 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท
โดยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (27 มิ.ย.) พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 7 และ พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินมาที่ สภ.ทับสะแก กลางดึก พร้อมเรียก ผกก.สภ.ในหลายท้องที่ในเขตใกล้เคียง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหน่วยปฏิบัตการพิเศษ มาประชุมเพื่อวางแนวทางในการสืบสวนสอบสวนหา 2 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุบุกปล้นทองให้ได้
โดยได้นำภาพวงจรปิดจากกล้องซีซีทีวีของทางร้านทองงามศิลป์ 2 มาเปิด และทำการวิเคราะห์ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนานกว่า 5 ชั่วโมง พร้อมสรุปประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีบี 400 สีดำแดง (ซูเปอร์โฟร์) ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตลอดจนลักษณะคนร้ายท่าทางขณะลงมือ การแต่งกาย รวมไปถึงเรื่องอาวุธปืนยาว 2 กระบอก
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ระบุว่า การลงมือของคนร้ายถือเป็นกระทำการอย่างอุกอาจ มีความชำนาญในการใช้อาวุธเป็นอย่างดี ซึ่งทางตำรวจมุ่งประเด็นไปที่ผู้ที่มีความชำนาญในการใช้อาวุธ มีความคล่องตัวในการปฏิบัติการ
ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายใช้เป็นปืนลูกซองยาว ส่วนปืนอีกกระบอกยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปืนชนิดใด เพราะภาพกล้องวงจรปิดไม่ชัดเจน ไม่สามารถระบุชนิดได้ โดยจะนำภาพดังกล่าวให้ผู้ที่ชำนาญเกี่ยวกับอาวุธปืนดูว่าเป็นปืนชนิดใด
ขณะเดียวกัน ยังพบว่าคนร้ายที่ถือปืนคุมเชิงอยู่นั้นไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงออกมาอาจเป็นเพราะปืนเกิดการขัดลำก็เป็นไปได้ ในขณะเดียวกัน หลังจากคนร้ายอีกคนที่ใช้อาวุธปืนลูกซอง หลังจากกวาดทองใส่ในกระเป๋าสะพายเสร็จแล้ว ขณะออกมาจากร้านทองได้ใช้อาวุธปืนยิงออกมาก่อน 1 นัด และเดินไปขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทันที ซึ่งรวมๆ แล้วการปฏิบัติการของคนร้ายใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที โดยคนร้ายขับรถย้อนศรออกไปทางหน้า อบต.ทับสะแก จนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไม่ทัน
นอกจากนั้น ทางตำรวจได้ทำการปรินต์ภาพรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมรูปคนร้ายแจกจ่ายให้แก่ตำรวจ นำไปแจกจ่ายให้แก่สื่อมวลชนเพื่อเป็นเบาะแสสำหรับการติดตามคนร้ายทั้ง 2 ราย นอกจากนั้น จะนำไปให้พนักงานตามปั๊มน้ำมันได้ดูว่าเคยเห็น 2 คนร้ายเข้ามาบ้างหรือไม่ รวมไปถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณแยกถนนเพชรเกษม ตั้งแต่พื้นที่อำเภอหัวหิน-อำเภอทับสะแก ย้อนหลังไป 2 วัน เพื่อตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ เพื่อหาที่มาที่ไปในการสืบสวนต่อไป และอาจเป็นไปได้ว่า คนร้ายอาจจะมีการเดินทางมาดูลาดเลาก่อนที่จะเข้าปล้นชิงทองที่ร้านดังกล่าวล่วงหน้าแล้ว และคงรู้ว่าร้านทองงามศิลป์ 2 มีผู้หญิงอยู่เท่านั้น
พร้อมกันนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวอีกว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายทั้ง 2 คนใส่เสื้อเกราะหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่อาสาสมัครตำรวจชุมชนที่อยู่ติดกับร้านทอง ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงเข้าใส่คนร้ายนั้นก็ยังระบุไม่ได้ว่าถูกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เร่งติดตามตามคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยังได้เชิญนางจิฎากาญจน์ เพาะพูนธนากิตติ์ เจ้าของร้านทองงามศิลป์ 2 มาให้ข้อมูลในช่วงเกิดเหตุ และยังบอกด้วยว่าได้ใช้อาวุธปืน .38 ยิงเข้าใส่คนร้าย 1 นัดผ่านจากประตูกระจกด้านหลัง หลังจากกดสัญญาณของความช่วยเหลือไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
“เจ้าของร้านทองได้ประกาศให้รางวัลนำจับเป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท หากจับกุมคนร้ายได้ และได้ทองรูปพรรณคืนมา 80 เปอร์เซ็นต์”