xs
xsm
sm
md
lg

รวบ “ไอ้โอม” นักต้มตุ๋นแสบอาละวาดลวงเหยื่อหลายรายผ่านเน็ต

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ร่วมแถลงการณ์จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากผู้เสียหายกว่าร้อย คือ นายชาคร บุญเชิญ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง กระเป๋าและกระเป๋าสตางค์แบบผู้หญิง โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม พ่วงกุญแจต่างๆ รวมทั้ง เอกสารบัตรประชาชน จำนวนมาก
ตร.บุกชาร์จจับกุมตัวหนุ่มนักต้มตุ๋นจอมแสบหน้าอพาร์ตเม้นต์ ซ.ลาดพร้าว 15 หลอกลวงเหยื่อเอาทรัพย์สินหลายรายการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อหลายราย เจ้าทุกข์สุดทนพฤติกรรมชั่ว! รวมกลุ่มกันตามล่าคนร้ายผ่าน FaceBook โดยใช้ชื่อว่า “ตามล่าไอ้โอม” จนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนนำเรื่องราวไปสอบถาม ตร.จนติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด ค้นห้องพักถึงกับอึ้ง พบของกลางจำนวนมาก

วันนี้ (20 ส.ค.) เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานด้านสืบสวน พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ร่วมแถลงการณ์จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากผู้เสียหายกว่าร้อย คือ นายชาคร บุญเชิญ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง กระเป๋าและกระเป๋าสตางค์แบบผู้หญิง โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม พวงกุญแจต่างๆ รวมทั้งเอกสารบัตรประชาชนจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าทางเข้าอพาร์ตเมนต์บ้านพิพัฒน์ เลขที่ 16 ซ.ลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. วานนี้ (19 ส.ค.) และขยายผลไปตรวจยึดของกลางห้องเลขที่ 705 อพาร์ตเมนต์บ้านพิพัฒน์

พล.ต.ท.คำรณวิทย์เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ถึงเรื่องราวคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์สินไป และมีผู้เสียหายหลายรายเข้ามาร่วมแจ้งข้อมูลคนร้าย จนกระทั่งมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก โดยใช้ชื่อว่า “ตามล่าไอ้โอม” www.facebook.com/omehunter และ e-mail : ome_hunt@hotmail.com จนทำให้เป็นที่สนใจของทางสื่อมวลชน

พล.ต.ต.พิสิฎฐ์กล่าวว่า ได้สั่งการให้สืบสวนของ สน.บางนา บก.น.5 และบก.สส.บช.น.ช่วยติดตามคนร้ายซึ่งมีวิธีการต่างๆ ที่สามารถหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ และใช้เวลากว่า 1 เดือน ในการจับกุมตัว โดยวันเสาร์ที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมามีกรณีการทุบรถยนต์ของนายสุเมธ วิวัฒน์วิชา ที่ย่านฝั่งธนบุรี และได้เอาข้อมูลสำคัญของผู้เสียหายไป ซึ่งนายชาครได้โทรศัพท์ไปบอกกับผู้เสียหายรายนี้ว่ามีเอกสารสำคัญนั้นอยู่ มีคนมาจำนำเอาไว้ โดยขอให้โอนเงิน จำนวน 60,000 บาท แต่สุดท้ายนายชาครได้ไหวตัวทันจึงยกเลิกนัด เจ้าหน้าที่จึงแกะรอยติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

“ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์หลบหลีกการติดตามจากเจ้าหน้าที่ และหลอกลวงผู้เสียหายหลายรายด้วยวิธีการที่แนบเนียน โดยการใช้เว็บไซต์โพสต์ข้อความเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากเหยื่อ จากนั้นจะนัดเจอกันแล้วใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกเอาทรัพย์สินไป” พล.ต.ต.พิสิฎฐ์กล่าว

พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวอีกว่า นายชาครนอกจากจะก่อคดีลักทรัพย์แล้ว ในเหยื่อบางรายยังได้ข่มขืนเจ้าทุกข์อีกด้วย โดยภายหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการติดต่อผู้เสียหายจากรายการบัตรประชาชนของกลางมายืนยันหลักฐานและชี้ตัวผู้ต้องหาด้วย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัตินายชาคร พบว่ามีหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ และข่มขืนหลายคดี ในหลายท้องที่ เช่น ในท้องที่ สน.บางนา สน.บุคคโล สน.บางยี่ขัน สภ.ลำลูกกา สภ.เมืองสุรินทร์ สภ.บางกรวย

จากการสอบสวน นายชาครให้การรับสารภาพว่ากรณีลักทรัพย์นั้นตนเป็นผู้ลงมือกระทำจริง โดยจะหาข้อมูลเหยื่อทางอินเทอร์เน็ต พูดคุยกันสร้างความเชื่อใจ โดยส่วนมากมักจะอ้างว่าเป็นโรคหัวใจเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ จากนั้นก็จะนัดเหยื่อออกมาเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าหรือสถานีขนส่ง หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายเผลอก็จะลักเอาทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป โดยที่ทำมาแล้วกว่า 100 ครั้ง โดยหลังจากก่อเหตุเสร็จแล้วก็จะย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ โดยหาห้องพักรายวันตามอพาร์ตเมนต์ต่างๆ โดยตระเวนก่อเหตุในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนเรื่องข้อหาข่มขืนนั้น ตนไม่ได้เป็นคนทำ ถ้าลองเช็กจากกล้องวงจรปิดตามสถานที่นั้นๆ ดูจะเห็นว่าตนเดินออกมากับผู้เสียหายกันด้วยดี นอกจากนี้ ได้เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2551 รวมถึงได้ทำลายเอกสารบางส่วนไปแล้ว

ทางด้าน น.ส.นัน (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหายและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กล่าไอ้โอม กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าผู้ต้องหานั้นเก่งจริง เพราะสามารถพูดสร้างความเชื่อถือ เชื่อใจให้เหยื่อหลายรายและสามารถหลอกเอาทรัพย์สินได้ วิธีการที่คนร้ายใช้ส่วนมากมักจะอ้างว่าเป็นโรคหัวใจบ้าง อยากฆ่าตัวตายบ้าง สร้างความเห็นใจให้กับเหยื่อที่หลงเชื่อเข้ามาพูดคุยด้วยจนกระทั่งมีความสนิทสนมกับจึงได้นัดออกมาเจอกัน แล้วหลอกเอาทรัพย์ไป โดยใช้วิธีนำของมีค่าของคนร้ายมาฝากทรัพย์สินใส่ในกระเป๋าของตน เช่น นำโทรศัพท์ไปใส่ในกระเป๋าของผู้เสียหาย จากนั้นก็จะขอกระเป๋าไปถือ โดยอ้างว่ามีทรัพย์ของตัวเองอยู่ในนั้นด้วย เมื่อเหยื่อเผลอก็จะหลบหนีไปพร้อมกระเป๋าเหยื่อ นอกจากนี้ ในเหยื่อบางรายคนร้ายยังอ้างตัวว่าเป็นลูกนักการเมือง หลอกเอาทรัพย์สิน หรือข่มขืนผู้เสียหายอีกด้วย

น.ส.นันกล่าวต่อว่า หลังจากที่เกิดเหตุขึ้น ตนก็ได้โพสต์ข้อความลงที่เว็บไซต์พันทิป ก็ได้มีผู้เสียหายรายอื่นเข้ามาแชร์ประสบการณ์รวมถึงให้ข้อมูลคนร้ายเอาไว้ จึงได้ตั้งเฟซบุ๊กดังกล่าวขึ้นมา เพราะตนรู้สึกสิ้นหวังกับกระบวนการยุติธรรม เพราะหลักฐานที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอ ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ชัดเจนทำให้ศาลไม่สามารถออกหมายจับให้ได้ จึงต้องติดตามคนร้ายด้วยตัวเอง รวมถึงตนเคยได้พบเห็นกระแสการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตไล่ล่าติดตามตัวคนร้ายมาหลายครั้งแล้ว จึงได้ดำเนินการบ้าง จนกระทั่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการให้ในที่สุด และหลังจากนี้เฟซบุ๊กตามล่าไอ้โอมก็จะเปลี่ยนเป็นหน้าเตือนภัย รับเรื่องราวแชร์ประสบการณ์ต่างๆ ให้แก่สังคม






กำลังโหลดความคิดเห็น