ศูนย์ข่าวขอนแก่น-อบจ.ขอนแก่น สั่งสอบวินัยร้ายแรงครูในสังกัด หลังต้นสังกัดยืนยันว่า เป็นผู้บงการปลอมเอกสารราชการยื่นกู้เงินสหกรณ์ฯ ครู ชัดเจน พร้อมเรียกสอกปากคำ 37 ข้าราชการครูที่ถูกปลอมบัตรว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ในขณะที่ทีมกฎหมาย นำเอกสารเพิ่มเติมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเร่งทลายขบวนการดังกล่าว
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ทำการจับกุม 8 ผู้ต้องหา หลังทำการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารของราชการ และทำการกู้เงินกับทางสหกรณ์ฯ จนทำให้สูญเงินรายได้ไปรวมกว่า 3,300,000 บาท แต่สามารถนำกลับคืนมาได้เพียง 500,000 บาทนั้น ซึ่ง 1 ใน 8 ผู้ต้องหา และเป็นหัวหน้าขบวนการเป็นข้าราชการครูในสังกัด อบจ.ขอนแก่น โรงเรียนสีชมพูศึกษา อ.สีชมพู ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) นายธาดา พรหมสาขา ณ สกลนคร รอง ปลัด อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า โรงเรียนสีชมพูศึกษา ซึ่งอยู่ในสังกัด อบจ.ขอนแก่น และเป็นตันสังกัดของ นางภวมัย พรรณรัชคุณ อายุ 31 ครู คศ.2 โรงเรียนสีชมพูศึกษา ได้รายงานผลการสืบสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยืนยันตามเอกสารหลักฐานทั้งหมดพร้อมระบุว่า นางภวมัย นั้นติดการพนันจริง และได้ร่วมกับกลุ่มบุคคลปลอมแปลงเอกสารหลักฐานเพื่อข้อกู้เงินจากทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมาเป็นระยะเวลานาน
แต่ยังไม่มีการระบุถึงข้าราชการครูที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด มีเพียงระบุถึงบุคคลที่ใกล้ชิด และเป็นบุคลภายนอกโดยไม่ได้รับราชการในสังกัด อบจ.ขอนแก่น ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป
นายธาดากล่าวว่า อบจ.ขอนแก่น จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งกำลังรอคำยืนยันผลการสอบสวนของร้อยเวรเจ้าของคดี จึงจะสามารถนำเสนอต่อที่ประชุมร่วม คณะกรรมการ อบจ.ขอนแก่น เพื่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน อีกทั้งจะมีการเรียกตัวข้าราชการครูที่ปรากฏรายชื่อ และมีบัตรข้าราชการปลอมทั้งหมดที่ตำรวจตามยึดมาได้ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่นิติกรของ อบจ.และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้ทำการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรือไม่ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ชัดเจนของข้าราชการครูในสังกัด รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ อบจ.ทุกคน
ด้านนายเอกราช ช่างเหลา ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กล่าวว่า ทีมกฎหมายของสหกรณ์ฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อได้ตรวจสอบเอกสารย้อนหลัง และพบว่า ยังคงมีเอกสารที่มีชื่อของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน รวมไปถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ได้มีการอายัดหลักฐานทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อเร่งที่จะคลี่คลายคดี โดยเฉพาะเอกสารสำคัญ ประเภท ใบยื่นกู้ การลงนามรับเงิน หนังสือนำจ่าย และเอกสารรับรองของสหกรณ์ฯ ที่ได้มีการจ่ายเงินกู้ฉุกเฉินรายละ 80,000 บาทไปจริง เพื่อขยายผลจับกุมเครือข่ายขบวนการดังกล่าว
ขณะนี้ยืนยันว่า นางภวมัย ซึ่งรับราชการครู ในสังกัด อบจ.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าทีมที่กระทำผิดในลักษณะดังกล่าว และยังมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปที่หลงเชื่อการแอบอ้างและหวังค่านายหน้าคนละ 500-2,500 บาท นำบัตรข้าราชการครูปลอมของบุคคลที่มีรายชื่อเป็นสมาชิกฯ ทำการขอกู้เพื่อหวังส่วนแบ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไว้เป็นพยานแล้วหลายคน
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความรัดกุมในการอนุมัติสินเชื่อประเภทกู้ฉุกเฉินรายละ 80,000 บาท จำเป็นจะต้องเข้มงวดมากขึ้น รวมไปถึงการยื่นกู้สามัญทั่วไปรายละ 3 ล้านบาทที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติที่รัดกุมเช่นกันเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำซ้อน
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ทำการจับกุม 8 ผู้ต้องหา หลังทำการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารของราชการ และทำการกู้เงินกับทางสหกรณ์ฯ จนทำให้สูญเงินรายได้ไปรวมกว่า 3,300,000 บาท แต่สามารถนำกลับคืนมาได้เพียง 500,000 บาทนั้น ซึ่ง 1 ใน 8 ผู้ต้องหา และเป็นหัวหน้าขบวนการเป็นข้าราชการครูในสังกัด อบจ.ขอนแก่น โรงเรียนสีชมพูศึกษา อ.สีชมพู ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) นายธาดา พรหมสาขา ณ สกลนคร รอง ปลัด อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า โรงเรียนสีชมพูศึกษา ซึ่งอยู่ในสังกัด อบจ.ขอนแก่น และเป็นตันสังกัดของ นางภวมัย พรรณรัชคุณ อายุ 31 ครู คศ.2 โรงเรียนสีชมพูศึกษา ได้รายงานผลการสืบสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยืนยันตามเอกสารหลักฐานทั้งหมดพร้อมระบุว่า นางภวมัย นั้นติดการพนันจริง และได้ร่วมกับกลุ่มบุคคลปลอมแปลงเอกสารหลักฐานเพื่อข้อกู้เงินจากทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมาเป็นระยะเวลานาน
แต่ยังไม่มีการระบุถึงข้าราชการครูที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด มีเพียงระบุถึงบุคคลที่ใกล้ชิด และเป็นบุคลภายนอกโดยไม่ได้รับราชการในสังกัด อบจ.ขอนแก่น ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป
นายธาดากล่าวว่า อบจ.ขอนแก่น จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งกำลังรอคำยืนยันผลการสอบสวนของร้อยเวรเจ้าของคดี จึงจะสามารถนำเสนอต่อที่ประชุมร่วม คณะกรรมการ อบจ.ขอนแก่น เพื่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน อีกทั้งจะมีการเรียกตัวข้าราชการครูที่ปรากฏรายชื่อ และมีบัตรข้าราชการปลอมทั้งหมดที่ตำรวจตามยึดมาได้ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่นิติกรของ อบจ.และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้ทำการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรือไม่ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ชัดเจนของข้าราชการครูในสังกัด รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ อบจ.ทุกคน
ด้านนายเอกราช ช่างเหลา ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กล่าวว่า ทีมกฎหมายของสหกรณ์ฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อได้ตรวจสอบเอกสารย้อนหลัง และพบว่า ยังคงมีเอกสารที่มีชื่อของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน รวมไปถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ได้มีการอายัดหลักฐานทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อเร่งที่จะคลี่คลายคดี โดยเฉพาะเอกสารสำคัญ ประเภท ใบยื่นกู้ การลงนามรับเงิน หนังสือนำจ่าย และเอกสารรับรองของสหกรณ์ฯ ที่ได้มีการจ่ายเงินกู้ฉุกเฉินรายละ 80,000 บาทไปจริง เพื่อขยายผลจับกุมเครือข่ายขบวนการดังกล่าว
ขณะนี้ยืนยันว่า นางภวมัย ซึ่งรับราชการครู ในสังกัด อบจ.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าทีมที่กระทำผิดในลักษณะดังกล่าว และยังมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปที่หลงเชื่อการแอบอ้างและหวังค่านายหน้าคนละ 500-2,500 บาท นำบัตรข้าราชการครูปลอมของบุคคลที่มีรายชื่อเป็นสมาชิกฯ ทำการขอกู้เพื่อหวังส่วนแบ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไว้เป็นพยานแล้วหลายคน
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความรัดกุมในการอนุมัติสินเชื่อประเภทกู้ฉุกเฉินรายละ 80,000 บาท จำเป็นจะต้องเข้มงวดมากขึ้น รวมไปถึงการยื่นกู้สามัญทั่วไปรายละ 3 ล้านบาทที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติที่รัดกุมเช่นกันเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำซ้อน
