ศูนย์ข่าวขอนแก่น-วิทยาลัยปกครองท้องถิ่น ม.ขอนแก่น จัดสัมมนา “เยาวชนไทยรุ่นใหม่หัวใจสะอาด” เผยไทยยังติดอันดับคอร์รัปชันที่ 80 ของโลก ด้าน “ชูวิทย์” ยกเป็นโจรกลับใจ อาสาปราบคอร์รัปชัน ชี้คอร์รัปชันเชิงนโยบาย เป็นวงจรอุบาทว์ที่น่าเกรงกลัวที่สุด กระตุ้นเยาวชนตระหนักถึงปัญหา ร่วมปลุกจิตสำนึกต่อต้านการคอร์รัปชัน
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมกับฝ่ายพัฒนานักศึกษา มข. และวิทยาลัยการปกครองส่วนท้องถิ่น มข. จัดสัมมนาในหัวข้อ “เยาวชนไทยรุ่นใหม่หัวใจสะอาด” โดยมีนายกองค์การนักศึกษา และประธานสภานักศึกษา และนักศึกษาจาก 16 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เข้าร่วมสัมมนามากกว่า 500 คน
รศ.ดร.ศุภวัฒนกร วงศ์ธนวสุ คณบดีวิทยาลัยการปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ปัญหาการคอร์รัปชันถือเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ถือเป็นสาเหตุสำคัญต่อความยากจน และเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาอย่างแท้จริง ทั้งนี้ สถานการณ์การคอร์รัปชันในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน
จากข้อมูลองค์กรเพื่อความโปร่งใส ในประเทศไทย (Transparency Thailand) เปิดเผยผลการจัดอันดับดรรชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอรัปชั่นประจำปี 2554 พบว่า ประเทศไทยได้ 3.4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 อยู่อันดับที่ 80 จาดทั้งหมด 183 ประเทศทั่วโลก และอยู่อันดับที่ 10 จาก 26 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศไทยมีคะแนนเท่ากับประเทศโคลัมเบีย เอลซัลวาดอร์ กรีซ โมร็อกโก และเปรู
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า การคอร์รัปชันในประเทศไทยได้กระจาย และฝังตัวในสังคมไทยอย่างแนบแน่น แม้ที่ผ่านมา องค์กรตรวจสอบทั้งภาครัฐ องค์กรอิสระ องค์กรภาคประชาชน จะพยายามตรวจสอบ และกำหนดมาตรการตรวจสอบ ตลอดจนกำหนดบทลงโทษขั้นรุนแรง แต่ไม่ทำให้คอร์รัปชันในไทยลดลง กลับยิ่งมีช่องทางและวิธีการอันสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น และก่อให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ๆ ในการคอร์รัปชันขยายออกไปในทุกแวดวงสังคม
“การจะลดคอร์รัปชันออกไปจากสังคมไม่สามารถทำให้เกิดได้ทันที หากกลับมาให้ความสำคัญแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้ตระหนัก และเห็นความเสียหายของคอร์รัปชั่น ผ่านกระบวนการปลูกฝัง สร้างจิตสำนึก และรณรงค์ผ่านกิจกรรมต่างๆ วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มข. จึงจัดสัมมนา “เยาวชนรุ่นใหม่ หัวใจสะอาด” เพื่อให้กลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ มีโอกาสร่วมระดมสมอง นำไปสู่การกำหนดแผนกลยุทธ์และกิจกรรม ในการต่อต้านคอร์รัปชันในสังคม”รศ.ดร.ศุภวัฒนกร กล่าว
ทั้งนี้ ภายในงานสัมมนาดังกล่าว มีการบรรยายพิเศษเรื่อง “การคอร์รัปชันในสังคมไทย ปัญหาใหญ่ที่ทำลายชาติ” โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โดยนายชูวิทย์ ได้นำคลิปวีดีโอ ที่ตนเองได้ทำงานด้านการตรวจสอบคอร์รัปชันของนักการเมืองในสภา และกรณีอื่น รวบรวมมาบรรยายให้ความรู้แก่นักศึกษาคนรุ่นใหม่ ได้ตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย
นายชูวิทย์ ได้อ้างว่า ในอดีตที่ผ่านมา ตนเองก็เคยโกง แต่ตอนนี้ได้กลับตัวกลับใจแล้ว ขอต่อต้านการคอร์รัปชัน เหมือนกับองคุลิมาล ที่กลับใจบวชจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ซึ่งตนเองก็เช่นกัน บทบาทที่ผ่านมาจะเฝ้าระวังจับตาการคอร์รัปชัน และอาสามาปราบการคอร์รัปชันออกไปจากสังคมไทย
สำหรับการคอร์รัปชันขั้นเริ่มต้น เช่น การต่อรองให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อถูกจับทำผิดกฎหมายจราจร หรือการเรียกค่าแป๊ะเจี๊ยของสถานศึกษาต่างๆ การโกงข้อสอบนายสิบตำรวจ การเสียบบัตรลงคะแนนของ ส.ส.ในสภา ฯลฯ ซึ่งเมื่อเกิดการโกงครั้งแรกแล้วจะเป็นพื้นฐานของคนนั้น พัฒนาจนเป็นที่ยอมรับในสังคม และเกิดพัฒนาการมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในวงจรคอร์รัปชันเป็นขบวนการ
เช่น การเปิดบ่อนการพนัน หรือการเปิดสถานบันเทิงเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นกรณีตัวอย่างคอร์รัปชันที่ชัดเจนที่สุด มีเจ้าหน้าตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องคอร์รัปชันเป็นชั้นๆ เจ้าของบ่อน หรือสถานบันเทิงต้องจ่ายส่วยให้ตำรวจเป็นประจำทุกเดือน เพื่อบ่อนเปิดได้ตามปกติ หากไม่ยอมจ่ายต้องปิดบ่อน หรือสถานบันเทิง
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เลวร้ายคือ พัฒนาคอร์รัปชันไปสู่การคอร์รัปชันขั้นสูง และการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย ที่มีกลุ่มทุนเข้ามาเกี่ยวข้องกับ มักอ้างผลประโยชน์เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ แต่เป็นการหาผลประโยชน์ระหว่างนักการเมืองกับกลุ่มทุน โดยกลุ่มทุนสนับสนุนพรรคการเมืองไปจัดตั้งรัฐบาล และกำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุน นักการเมือง ถือเป็นวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย และเป็นคอร์รัปชันที่น่ากลัวที่สุด
โดยมีกรณีตัวอย่างเช่น ทุจริตโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการสวมสิทธิจำนำข้าว ที่มีการนำข้าวจากกัมพูชาเข้ามารับสิทธิจำนำข้าวในเมืองไทย ฯลฯ ซึ่งก่อความเสียหายแก่ประเทศชาติบ้านเมือง แต่ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายการบรรยาย นายชูวิทย์ ได้ฝากให้เยาวชนที่ร่วมรับฟังบรรยาย ได้แลกเปลี่ยนหาแนวทางที่จะต่อต้าน หรือขจัดคอร์รัปชันให้หมดไปจากสังคมไทย โดยนักศึกษาส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญถึงการปลุกจิตสำนึกต่อต้านการคอร์รัปชันตั้งแต่เยาวชน เพื่อให้คนรุ่นต่อไปมีจิตสำนึกที่ดี มีค่านิยมในสังคมที่ถูกต้อง ให้สังคมส่วนรวมพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น