“ยิ่งลักษณ์” นั่งหัวโต๊ะถก ก.ต.ช. ชม “เพรียวพันธ์” เด็ดขาด ยกเลิกสอบนายสิบหลังพบโกง ห่วงพกปืน ขอตำรวจเข้มจับ แนะเชื่อมโยง สธ.ดูอุปกรณ์การแพทย์ ย้ำ 4 เรื่องบูรณาการร่วม จว. ขณะที่ประชุมไฟเขียวเงินเดือนชั้นประทวน 25,000 อัตรา สั่งฝึกอบรมตำรวจเพิ่มไม่ต่ำปีละ 50% อนุมัติตำแหน่งผู้บังคับการเชี่ยวชาญพิเศษ 14 อัตรา และผู้บังคับการปราบยาเสพติด พร้อมใช้แผนทั่วไปรับมือม็อบแดง 24 มิ.ย.
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 2/2555 โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมประชุม ก.ต.ช.ว่า ในที่ประชุม นายกฯ ได้ชมเชยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในความเด็ดขาดเรื่องการยกเลิกการสอบนายสิบตำรวจ หลังจากพบการทุจริตในการสอบที่มีความเชื่อมโยงกันทั้งประเทศ และคิดว่าการยกเลิกจะเป็นประโยชน์ต่อการปรามการสอบเข้าข้าราชการส่วนอื่นๆ อีกด้วย นอกจากนี้ จากหลักฐานที่พบในการทุจริตการสอบเข้านายสิบตำรวจครั้งนี้ปรากฏว่ามีความเชื่อมโยงในการสอบหลายประเภท
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า และสืบเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.ชลบุรี นายกฯ ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาหาแนวทางในการบูรณาการกำลังต่างๆ ในการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเอาถูกเอาเปรียบ และเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยวันเดียวกัน (22 มิ.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการจังหวัดในจังหวัดท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเรื่องนี้อีกด้วย
โฆษก สตช.กล่าวต่อว่า นายกฯ ยังได้แสดงความห่วงเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ทั้งกรณีปืนเถื่อน การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ จึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพราะถือเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมหลายอย่าง ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เกิดเหตุจะอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นหลัก โดยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะเริ่มระดมความเข้ม ไม่ว่าจะเป็นปืนไม่มีทะเบียน หรือมีทะเบียนแต่ไม่มีใบอนุญาตพกพา โดยในวันที่ 27 มิ.ย.จะมีการแถลงข่าวถึงความคืบหน้าของบหน่วยงานที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้ ขณะที่นโยบายการสาธารณสุขที่มุ่งเน้นขยายการรักษาพยาบาลไปสู่พื้นที่ต่างๆ นั้น นายกฯ ได้เพิ่มเติมไปว่า สำหรับโรงพยาบาลตำรวจเป็นหน่วยงานสาธารณสุขที่สังกัดตำรวจ จึงอยากให้นำไปเชื่อมโยงกับการปฏิบัติหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องอุปกรณ์การแพทย์ และพยาบาลต่างๆ ที่จะตอบสนองในการขยายการให้บริการต่างๆ ไปสู่พี่น้องประชาชนให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด ตลอดจนการปรับปรุงเรื่องอัตราแพทย์ และพยาบาลให้มีเพียงพอ
สำหรับการบูรณาการการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดทุกจังหวัดนั้น พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า นายกฯ ได้ย้ำใน 4 เรื่องโดยจะต้องเกิดรูปธรรมที่ชัดเจน เนื่องจากเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้นที่ผ่านมาถือว่าทำงานได้ผล จึงให้ใช้แนวทางเรื่องการบูรณาการเรื่องยาเสพติดไปใช้ในอีก 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1. เรื่องปราบปรามการทุจริต 2. การดูแลความทุกข์ร้อนของประชาชน โดยกรณีความเดือดร้อนของประชาชนจะต้องไม่มีการปิดถนน ถ้ามีการปิดถนนผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดจะเจรจาเฉพาะกรณีที่กลุ่มเรียกร้องได้ทำตามกติกาและอยู่ในที่ตั้งเท่านั้น ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ 3. เรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องติดตาม และดูปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ให้เกิดเหตุประชาชนทะเลาะกันอีก
จากนั้น โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ว่า ก.ต.ช.ได้รับทราบกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้เพิ่มอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเพิ่มใหม่ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2559 รวม 5 ปี ปีละ 5,000 อัตรา รวมเป็น 25,000 อัตรา ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข้าราชการตำรวจชั้นประทวนในปัจจุบันมีจำนวน 60 เปอร์เซ็นต์ตามอัตราเท่านั้น นอกจากนี้ยังรับทราบการคืนอัตราเกษียณจากอายุราชการปี 2553-2556 จำนวน 9,400 อัตรา โดยมอบให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายนโยบายภาครัฐไปพิจารณา ทั้งนี้ เบื้องต้นในปี 2553 คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายนโยบายภาครัฐได้มีมติคืนอัตราเกษียณอายุราชการให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งสิ้น 1,838 อัตรา ส่วนอีก 12 อัตราได้คืนให้กรมศิลปากร
พล.ต.ต.ปิยะแถลงต่อว่า ที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติรับทราบเรื่องแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยนายกฯ ได้แสดงความเป็นห่วงถึงข้าราชการตำรวจ เนื่องจากที่ผ่านมาอาจจะได้รับการพัฒนาระหว่างปีน้อย จึงได้ให้นโยบายว่าต่อไปต้องมีการพัฒนา และฝึกอบรมไม่น้อยกว่าปีละ 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้วางแผนจัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปี 2555 ที่จะมีตำรวจเข้าร่วมการฝึกอบรมไม่ร้อยกว่าร้อยละ 60 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปพิจารณาแผนการพัฒนาในภาพรวมทั้งหมด และให้ครอบคลุมกิจกรรมทั้งในด้านอาชญากรรม การสืบสวนสอบสวน การบริหารจัดการ และการบริการประชาชนในรูปแบบต่างๆ ด้วย อีกทั้งยังได้ให้ไปจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับนโยบายจากรัฐบาลเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
พล.ต.ต.ปิยะแถลงอีกว่า ที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติให้ความเห็นชอบการกำหนดตำแหน่งนายตำรวจระดับผู้บังคับการขึ้นไป ได้แก่ พนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับเทียบเท่าผู้บังคับการ หรือพลตำรวจตรี จำนวน 14 ตำแหน่ง ให้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจภูธรภาค 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเป็นเส้นทางการเจริญเติบโตของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติเห็นชอบให้กำหนดผู้บังคับการกองบังคับการสกัดกั้นยาเสพติด สังกัดสำนักงานกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทั้งนี้ ตำแหน่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อการเสนอพระราชกฤษฎีกาปรับโครงสร้างกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่งจะเสนอต่อ ครม.ในโอกาสต่อไป
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 24 มิ.ย.ว่า ในบ่ายวันนี้ (22 มิ.ย.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจะนัดประชุมด่วน ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้แผนการปฏิบัติทั่วไป เนื่องจากเป็นการชุมนุมแค่คืนเดียว ไม่ยืดเยื้อ เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่คงไม่ได้ดูแลแค่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียงสถานที่เดียว เนื่องจากในวันที่ 24 มิ.ย.เป็นวันครบรอบการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ซึ่งมีการจัดกิจกรรมกันหลายพื้นที่