กาญจนบุรี - อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เจ้าของรั้วไฟฟ้ามรณะ พร้อมมอบตัวตำรวจสู้คดีไฟช็อตช้างป่าสลักพระตาย เผยใช้เครื่องแปลงไฟแค่ 12 โวลต์เท่านั้น ย้ำไม่มีเจตนาทำร้ายช้าง เผยชาวบ้านทุกคนผูกพันกับช้างป่ามายาวนาน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แจ้งความดำเนินคดีต่อนายถนอม อ่อนหวาน อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 243 หมู่ 5 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ ที่ทำรั้วไฟฟ้ากั้นไร่ผลไม้เนื้อที่ 7 ไร่ จนเป็นเหตุให้ช้างป่าสลักพระเพศผู้อายุประมาณ 20 ปีถูกช็อตล้มตายอยู่ที่บริเวณถนนริมรั้วกั้นไร่ของนายถนอม ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
วันนี้ (24 มิ.ย.) นายถนอม อ่อนหวาน อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 243 หมู่ 5 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ท่ากระดาน ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ตนเป็นชาวบ้านในพื้นที่บ้านหม่องกระแทะ จากอดีตที่เคยเป็นผู้นำท้องที่ตั้งแต่ 7 ม.ค. 2540 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่ตอนนั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2543 จึงได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านจนหมดวาระเมื่ออายุ 60 ปี ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ทำงานในพื้นที่ร่วมแก้ปัญหาเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือช้างป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และอุทยานฯ รวมถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมาตลอดเวลา ตนมีหน้าที่ในการช่วยหน่วยราชการต่างๆ ดูแลพื้นที่และต้องช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า ต้องประสานทั้งชาวบ้านและป่าไม้ให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างมีความสุข
ดังนั้น ชีวิตช่วงที่ตนเป็นผู้นำท้องที่ติดต่อกันนานกว่า 14-15 ปีนั้นมีความผูกพันกับช้างป่าสลักพระมาก ถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้นำท้องที่ที่ต้องช่วยกันดูแลช้างป่าด้วย ตนรู้สึกเสียใจมากที่ช้างตัวนี้ตาย
ในส่วนของการใช้ลวดไฟฟ้าล้อมรอบที่ทำกินที่ปลูกผลไม้เกษตรหลายชนิดไว้นั้นเพื่อปกป้องทรัพย์สินด้วยการต่อไฟจากบ้านผ่านหม้อแปลงไฟจากไฟบ้านเป็น 12 โวลต์เหมือนกับที่ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวเขาใช้ทำคอกวัว ตนก็เคยถูกรั้วไฟฟ้าช็อตเช่นกัน แต่ก็แค่สะดุ้งเพราะถือว่าเป็นไฟฟ้าแรงต่ำไม่เป็นอันตราย แต่ในส่วนของช้างที่ตายในครั้งนี้ที่มีการระบุว่าช้างตายจากไฟฟ้าช็อตนั้นตนก็รู้สึกงงเช่นกัน
นายถนอมกล่าวต่อว่า ในวันที่ 26 มิ.ย. 2555 ที่จะถึงนี้ตนจะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อให้ข้อมูลและพร้อมรับการสอบสวนในทุกเรื่อง
“ช้างตัวนี้เดินออกมาจากป่าบริเวณหลังหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านหม่องกระแทะ และจากที่ดูมูลช้างพบว่าช้างมีการถ่ายมูลเป็นของเหลวเหมือนกับของวัวควาย ไม่เป็นก้อนเหมือนปกติ ตรงนี้น่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ แต่หากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาผมก็พร้อมที่จะมอบตัวสู้คดี เพราะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ผมขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายช้างป่าแต่อย่างใด แต่ทุกอย่างที่ทำเพื่อปกป้องทรัพย์สินและไม่ใช่การใช้ไฟฟ้าปกติ 220 โวลต์ แต่ใช้ผ่านเครื่องแปลงไฟให้เป็น 12 โวลต์แค่นั้น ผมยืนยันในความบริสุทธิ์ของผมในทุกกรณี”
ด้าน พ.ต.ท.บุรี ภุมรินทร์ พงส.สบ.3 สภ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เจ้าของคดีฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในฐานะผู้เสียหายที่ดูแลสัตว์ป่า ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีนายถนอม อ่อนหวาน เจ้าของไร่และบ้านที่ต่อไฟไปยังลวดที่พาดตามรั้วจนทำให้ช้างป่ามาถูกรั้วและถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต ซึ่งทางพนักงานสอบรับคดีและจะดำเนินการสอบสวนพยานและรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสำนวน โดยต่อไปต้องทำการสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไฟฟ้าที่จะมีความชำนาญในด้านการใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าว่าขณะเกิดเหตุกระแสไฟฟ้ามีความแรงเท่าไหร่แน่
“ตรงนี้จะต้องรับฟังความเห็นที่จะได้การยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าเท่านั้น ต่อจากนั้นก็จะออกหมายเรียกนายถนอมมารับทราบข้อกล่าวหาว่ากระทำผิด พ.ร.บ.สัตว์สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 16, 47 ฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่มาตรา 36, 53 ฐานล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีต่อไป”
ทางด้านนายสุระ บัวโต ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.กาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกันว่า หากทางพนักงานสอบสวนขอความร่วมมือประสานงานเพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมตรวจพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าในที่เกิดเหตุ ทาง กฟภ.กาญจนบุรีพร้อมให้ความร่วมมือ โดยตนจะส่งวิศวะไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าร่วมลงพื้นที่พร้อมพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าในจุดเกิดเหตุ ซึ่งตรงนี้ตนมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่เราสูญเสียช้างป่าไปอีกตัวหนึ่งทั้งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ในส่วนของการขออนุญาตใช้ไฟที่ทาง กฟภ.ต้องพิจารณาว่าผู้ใช้ไฟรายนี้ได้ดำเนินการตามระเบียบของ กฟภ.หรือไม่ เพราะการขอใช้ไฟเพื่อที่อยู่อาศัยนั้นจะเป็นการใช้ไฟฟ้าภายในอาคารที่ขออนุญาตเท่านั้น หากต่อสายไฟออกไปใช้ที่อื่นนอกอาคารที่ขออนุญาต หากเกิดปัญหาหรือความเสียหายทางผู้ใช้ไฟต้องรับผิดชอบเพราะถือว่าเป็นการใช้ไฟผิดประเภทจากที่ได้รับอนุญาต
“ในกรณีนี้ผมอยากจะประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ใช้ไฟที่มีการต่อสายไฟฟ้าออกไปใช้นอกอาคารที่ได้รับอนุญาตเหมือนกับแพพักหรือรีสอร์ตต่างๆ ที่ตามขอบอ่างเก็บน้ำที่ต่อไฟออกไปใช้เกินกว่าที่ขออนุญาต หากเกิดความเสียหายหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นถือเป็นการใช้ไฟผิดประเภทที่ผู้ได้รับอนุญาตใช้ไฟในอาคารนั้นต้องรับผิดทางกฎหมายบ้านเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดกาญจนบุรีและกรมอุทยานฯ จะร่วมบูรณาการทำงานในการร่วมแก้ไขปัญหาช้างป่าและช้างบ้านในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยในเร็วๆ นี้ฝ่ายปกครองจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะนายทะเบียนตั๋วรูปพรรณช้างพาหนะจะร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ และปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรีเข้าเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับช้างในปางช้างต่างๆ ทุกปางช้างในพื้นที่ จ.กาญจนบุรีอีกครั้งหนึ่ง โดยจะมีการเก็บข้อมูลรูปพรรณเพื่อเตรียมออกตั๋วรูปพรรณแบบใหม่ให้แก่ช้างที่มีการครอบครองถูกต้อง