ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตร.ภาค 3 ประชุมชุดคลี่คลายคดีขบวนการทุจริตสอบ“นายสิบตำรวจ” สนามโคราช สรุปจับได้รวม 10 ราย สั่งย้ายตร.มีเอี่ยวแล้ว 3 นาย ล่าสุดเด้ง “จ.ส.อ.” ตร.พิสูจน์หลักฐาน จ.อำนาจเจริญ ตัวจัดหาและสอนวิธีใช้เครื่องรับส่งสัญญาณโกงสอบ มาช่วยราชการ ตร.ภาค 3 เผยส่งชุดสืบสวน 3 ชุดลง กทม. ควานหาตัว “วิบูลย์ศักดิ์” ตัวจักรสำคัญเชื่อมโยงเครือข่าย ขณะ “โต” ผู้ต้องหาอีกคนยังหลบหนีรู้ชื่อ-นามสกุลจริงแล้ว ระบุเป็นขบวนการโกงสอบขรก.รายใหญ่เงินสะพัดกว่า 100 ล้าน ทำมานาน 6-7 ปี พร้อมประสาน ปปง.ตามยึดทรัพย์ทั้งหมด
วันนี้ (18 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีทุจริตการสอบแข่งขันบุคคลภายนอก เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นราชการตำรวจชั้นประทวน ยศสิบตำรวจตรี ประจำปี 2555 ส่วนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 สนามสอบ จ.นครราชสีมา ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รองผบช.ภ.3) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี ได้ร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีการทุจริตสอบตำรวจดังกล่าว ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
ต่อมาเวลา 16.30 น. พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผย ว่า ขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ในขบวนการทุจริตการสอบครั้งนี้ได้แล้วรวม 10 คน ครั้งแรกจับ 5 คน จากนั้นได้จับกุม นายดาชัย อุชุโกศลการ อายุ 42 ปี ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งล่าสุดาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้จับเพิ่มอีก 4 ราย ที่เป็นเครือข่าย และจากการสอบสวนพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร วิศวกร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านไอทีสูง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพว่า พยายามไปหาสถานที่ติวข้อสอบหน้า ม.รามคำแหง และ ได้พบกับ นายวิบูลย์ศักดิ์ ก่อนที่จะถูกติดต่อให้เป็นนายหน้าหาลูกค้ามาให้ จากนั้นได้รับเครื่องรับสัญญาณจาก นายวิบูลย์ศักดิ์ จากการหลักฐานต่างๆ เป็นที่ชัดเจนว่า นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นตัวจักรสำคัญที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ค่อนข้างชัดเจน
จนถึงขณะนี้ข้อมูลจากแต่ละตำรวจภาคทั้งภาค 2,3 และ ภาค 6 มีข้อมูลที่เชื่อมโยงมาถึงนายวิบูลศักดิ์ ค่อนข้างชัดเจนซึ่งได้ออกหมายจับไว้แล้ว จากเบาะแสล่าสุดทราบว่า นายวิบูลย์ศักดิ์ กำลังหลบหนีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 3 และ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาได้ส่งชุดสืบสวนจำนวน 3 ชุด นำโดย พ.ต.อ.วิชรวิชญ์ กฤษณฤทธิศักดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่ประสานงานและกับ บชน. เพื่อควานหาตัว นายวิบูลย์ศักดิ์ มาให้เร็วที่สุด
ส่วน นายโต ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล จริง ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผู้ที่นำอุปกรณ์รับส่งสัญญาณมาให้กลุ่มของ นางเตือนใจ ก่อนทำการสอบ 1 วัน นั้น ทราบชื่อนามสกุลจริงแล้ว คือ นายอุดมพร พุฒตาล อายุ 26 ปี ชาว จ.พะเยา ซึ่งเป็นคนสนิทของ นายวิบูลย์ศักดิ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ได้มีการประสานงานกับ ปปง. เพื่อให้เข้ามาดำเนินการตรวจยึดทรัพย์ของเครือข่ายดังกล่าว คาดว่าเม็ดเงินของขบวนการนี้มีไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เพราะทำกันมานานกว่า 6-7 ปีแล้ว
พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตสอบตำรวจครั้งนี้ ได้มีการสั่งย้ายตำรวจมาช่วยราชการที่ ตำรวจภูธรภาค 3 แล้วรวม 3 คน ประกอบด้วย สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ 2 คน คือ ร.ต.อ.สนั่น กัลยาวัฒนางาม รอง สวป. สภ.เมืองศรีสะเกษ , ด.ต.วิชรานุสรณ์ พงษ์พันธ์ สังกัด สภ.เมืองนครราชสีมา สามี นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมชุดแรก
ขณะที่ ล่าสุดได้สั่งย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องการทุจริตสอบตำรวจมาช่วยราชการ ที่ตำรวจภูธรภาค 3 เพิ่มอีก 1 คน คือ ส.ต.อ ประสาน วงศ์ชา อายุ 31 ปี ผู้บังคับหมู่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งทำหน้าที่จัดหาเครื่องรับ-สัญญาณทุจริตสอบ และสอนวิธีการใช้เครื่องรับส่งสัญญาณดังกล่าว และล่าสุดตำรวจทั้ง 3 นาย ยังไม่ได้ตั้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีอาญาขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน
ส่วนการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมการสอบในวันสอบ ยังไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้นแต่อย่างใด สำหรับการตรวจสอบกระดาษคำถามข้อสอบ รวมกว่า 30,000 ชุด นั้น พบว่า มี 149 ชุด มีการทำรหัสโกงข้อสอบไว้ชัดเจน
พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของตำรวจแต่ละภาคในส่วนของที่มาเครื่องรับส่งสัญญาณค่อนข้างแน่ชัดในแหล่งที่มาของอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับส่งสัญญาณ และ เบื้องต้นทราบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นยี่ห้อและรุ่นเดี่ยวกัน แตกต่างกันแค่สีเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะสาวถึงต้องต้นตอของผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ทั้งหมดได้ในเร็ว ๆ นี้
“ขบวนการนี้ถือเป็นขบวนการทุจริตรายใหญ่ที่ทำมานานมากกว่า 6 -7 ปี เพียงแต่ที่ผ่านมาหาหลักฐานที่จะไปดำเนินการกับกลุ่มนี้ไม่ได้ และคาดว่ามีเงินสะพัดในกระบวนการนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป เพราะมีการดำเนินการทุจริตการสอบเข้ารับราชการทุกระดับและทุกหน่วยงาน ” พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าว