ศูนย์ข่าวภูมิภาค - สั่งทีมสืบสวนเร่งติดตามจับกุม"อบ แสนจักร์"เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่จะสาวไปถึงหัวหน้าใหญ่ งัดกม.ป.ป.ช.จ้องยึดทรัพย์ผู้ร่วมขบวนการ ด้านตร.ภาค 5 รวบตัวผู้ใหญ่เมืองมหาสารคาม เดินสายหลอกชาวบ้านก่อนขนเหยื่อเข้าสนามสอบที่ลำปาง
วานนี้ (18 มิ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร .เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนขบวนการทุจริตการสอบเข้าเป็นตำรวจชั้นประทวน โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. รวมถึง ร.ต.อ.ญ. เสาวนีย์ แสวงผล ผอ.สำนักงานตรวจสอบและวิเคราะห์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยวีดิโอคอนเฟอร์เร็นซ์ไปยัง บช.ภ. ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชม.
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ขณะนี้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดที่เป็นเครือข่ายของบวนการนี้ได้ 32 รายแล้ว ในจำนวนนี้มี 6 รายที่หลบหนีอยู่ และหนึ่งในนี้คือ นายวิบูลย์ศักดิ์ หรือ อบ แสนจักร์ ที่ได้เผยแพร่รูปภาพให้สื่อทราบแล้ว เราทราบว่าคนนี้เป็นฝ่ายเทคนิคของขบวนการนี้ เป็นผู้สั่งซื้อเครื่องส่งและรับสัญญาณ นอกจากนี้ยังเป็นตัวกลางสำคัญที่คอยประสานไปยังผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ของขบวนการนี้ เมื่อสอบสวนไปยังเครือข่ายต่าง ๆ ต่างก็กล่าวอ้างมายังนายวิบูลย์ศักดิ์ จึงเชื่อได้ว่า นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นทั้งฝ่ายประสานด้านวิชาการ และเทคนิค จึงกำชับในที่ประชุมให้ พล.ต.ท.กฤษฏา หัวหน้าทีมสืบสวน เร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้ และจากข้อมูลนายวิบูลย์ศักดิ์ยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ กทม.
ทั้งนี้ได้สั่งการในที่ประชุมให้ดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญ เรื่องแรก การสืบสวนสอบสวน จากการดำเนินการที่ผานมา พบว่า นอกจาก บช.ภ. 2 3 5 6 9 และ ศชต. ที่พบการกระทำผิด ยังพบว่าการกระทำผิดใน บช.อื่นๆ จึงได้สั่งการให้ตรวจข้อสอบทั้งหมด เพื่อหาหลักฐานโดยเชื่อว่ามีการทุจริตข้อสอบในทุกบช.
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดมูลฐานในการยึดทรัพย์ตามกฎหมาย ปปง.จึงได้เชิญผู้แทนจาก ปปง. มาร่วมประชุมด้วย และจะเน้นการยึดทรัพย์หัวหน้าระดับแกนนำ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วใน บช.ภ. 3 เครือข่าย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ศรีสะเกษ
ด้านพล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวถึงของกลางที่เป็นเครื่องส่งและรับสัญญาณว่า เป็นอุปกรณ์ที่ยึดได้จากเครือข่ายทุจริตการสอบที่ซ่อนอยู่เสื้อและเดินอยู่นอกห้องสอบ เป็นตัวเปลี่ยนสัญญาณโทรศัพท์เป็นสัญญาณวิทยุ ก่อนจะมีการส่งสัญญาณไปยังผู้เข้าสอบ ซึ่งสัญญาณวิทยุนั้นรัศมีการส่งจะมากกว่าสัญญาณโทรศัพท์ และเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่สามารถตัดได้ สำหรับที่ที่มาของเครื่องดังกล่าวนั้น ผลิตในประเทศไทย นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นคนสั่งซื้อเครื่องส่งสัญญาณมือถือ จำนวน 80 เครื่อง ราคา 4-5 พันบาท จากบริษัทแห่งหนึ่งที่ผลิตมา 180 เครื่อง ส่วนเครื่องส่งสัญญาณวิทยุเราสืบจากแผ่นปรินซ์สีเขียว ที่ผลิตจากเมืองไทย ซึ่งนายวิบูลย์ศักดิ์ก็สั่งซื้อมาจากบริษัทต่าง ๆ โดยมีการสั่งซื้อไว้กับบริษัทแห่งหนึ่งไว้ถึง 800 แผ่น แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้ไปรับสินค้าและยังไม่มีการขอเงินมัดจำคืนด้วย เราจึงสรุปว่า นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค โดยประวัติเป็นวิศวกรที่ทำสัญญาณกันขโมยตามบ้าน แต่การประกอบเครื่องตัดสัญญาณมือถือน่าจะมีลูกมืออยู่หลายคน
**ภาค5รวบผู้ใหญ่บ้านเอี่ยวโกงอีก1
วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.วัฒนา สักกวัตร รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.พิษณุ อุณหเสรี ผกก.สภ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายประพัทธ์ บุญใบ อายุ 37 ปี ผู้ใหญ่บ้านโนนม่วง อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 15 ต.แวงน่าง อ.เมือง จ.มหาสารคาม พร้อมของกลางเอกสารและบัตรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการสอบบุคคลภายนอกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ โดยตั้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน ตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.55
พล.ต.ต.วัฒนา กล่าวว่า ในการสอบนักเรียนนายสิบตำรวจเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 ได้ใช้สถานศึกษาในพื้นที่ จ.ลำปาง เป็นสนามสอบรวม 18 แห่ง และได้พบว่าในการสอบครั้งนี้มีการทุจริตที่เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการทำการสืบสวนสอบสวนในเรื่องดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบข้อสังเกตว่า มีผู้เข้าสอบจำนวนมากเดินทางมาจากจังหวัดมหาสารคามจนเป็นที่ผิดสังเกต จึงสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้เข้าสอบได้รับการชักชวนจากนายประพัทธ์ บุญใบ ผู้ใหญ่บ้านโนนม่วง โดยนายประพัทธ์ระบุว่าสามารถช่วยเหลือให้สอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 5,000 บาท และค่ารถอีก 3,500 บาท หากสามารถช่วยให้สอบเข้าได้จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 300,000 บาท พร้อมทั้งชี้แจงกับกลุ่มผู้เข้าสอบว่าเหตุที่ไม่เข้าสอบในสนามสอบของตำรวจภูธรภาค 4 เพราะการมาสอบที่สนามสอบตำรวจภูธรภาค 5 มีโอกาสสอบได้มากกว่า
กลุ่มผู้เข้าสอบระบุว่า หลังจากรับทราบข้อมูลที่นายประพัทธ์ บอกต่อพวกตน ทำให้มีผู้ที่หลงเชื่อจำนวนนับสิบคน เดินทางมายัง จ.ลำปาง ร่วมกับนายประพัทธ์ โดยเข้าพักที่บึงขุนตาลรีสอร์ท อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นได้มีการแนะนำวิธีทำรหัสในข้อสอบและมอบเครื่องรับสัญญาณเพื่อนำติดตัวเข้าไปในห้องสอบ สำหรับใช้ในการทุจริตการสอบ และในวันที่ 10 มิ.ย. นายประพัทธ์ก็ได้พาผู้เข้าสอบไปส่งตามสนามสอบต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ในการสอบดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจพบอุปกรณ์ ในการทุจริตสอบ 4 เครื่องและพบการทุจริต 17 ราย และจากการขยายผลทราบว่านายประพัทธ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวังลำปางออกหมายจับกุมตัว และเดินทางไปจับกุมตัวได้ที่บ้าน ณ จ.มหาสารคาม
ด้านนายประพัทธ์ รับสารภาพว่า ได้ร่วมกระทำผิดจริง โดยได้ดำเนินการจัดหาคนมาเข้าสอบจาก จ.มหาสารคาม ส่วนตนเองจะได้ค่าจ้างจากการเรียกเก็บเงินส่วนเกิน จากที่กำหนดไว้ที่ 300,000 บาท ซึ่งตนจะมีรายได้จากผู้เข้าสอบเฉลี่ยรายละ 30,000-50,000 บาท แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้รับเงินก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เสียก่อน
พล.ต.ต.วัฒนา กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างขยายผลเพื่อติดตามจับกุมเครือข่ายคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องในการทุจริตการสอบครั้งนี้มาจากหลายสายด้วยกัน และกำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน โดยมีเหตุให้เชื่อได้ว่าแต่ละสายน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันในการทุจริตสอบในทุกๆ แห่ง
วานนี้ (18 มิ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร .เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนขบวนการทุจริตการสอบเข้าเป็นตำรวจชั้นประทวน โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. รวมถึง ร.ต.อ.ญ. เสาวนีย์ แสวงผล ผอ.สำนักงานตรวจสอบและวิเคราะห์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยวีดิโอคอนเฟอร์เร็นซ์ไปยัง บช.ภ. ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชม.
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ขณะนี้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดที่เป็นเครือข่ายของบวนการนี้ได้ 32 รายแล้ว ในจำนวนนี้มี 6 รายที่หลบหนีอยู่ และหนึ่งในนี้คือ นายวิบูลย์ศักดิ์ หรือ อบ แสนจักร์ ที่ได้เผยแพร่รูปภาพให้สื่อทราบแล้ว เราทราบว่าคนนี้เป็นฝ่ายเทคนิคของขบวนการนี้ เป็นผู้สั่งซื้อเครื่องส่งและรับสัญญาณ นอกจากนี้ยังเป็นตัวกลางสำคัญที่คอยประสานไปยังผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ของขบวนการนี้ เมื่อสอบสวนไปยังเครือข่ายต่าง ๆ ต่างก็กล่าวอ้างมายังนายวิบูลย์ศักดิ์ จึงเชื่อได้ว่า นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นทั้งฝ่ายประสานด้านวิชาการ และเทคนิค จึงกำชับในที่ประชุมให้ พล.ต.ท.กฤษฏา หัวหน้าทีมสืบสวน เร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้ และจากข้อมูลนายวิบูลย์ศักดิ์ยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ กทม.
ทั้งนี้ได้สั่งการในที่ประชุมให้ดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญ เรื่องแรก การสืบสวนสอบสวน จากการดำเนินการที่ผานมา พบว่า นอกจาก บช.ภ. 2 3 5 6 9 และ ศชต. ที่พบการกระทำผิด ยังพบว่าการกระทำผิดใน บช.อื่นๆ จึงได้สั่งการให้ตรวจข้อสอบทั้งหมด เพื่อหาหลักฐานโดยเชื่อว่ามีการทุจริตข้อสอบในทุกบช.
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดมูลฐานในการยึดทรัพย์ตามกฎหมาย ปปง.จึงได้เชิญผู้แทนจาก ปปง. มาร่วมประชุมด้วย และจะเน้นการยึดทรัพย์หัวหน้าระดับแกนนำ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วใน บช.ภ. 3 เครือข่าย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ศรีสะเกษ
ด้านพล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวถึงของกลางที่เป็นเครื่องส่งและรับสัญญาณว่า เป็นอุปกรณ์ที่ยึดได้จากเครือข่ายทุจริตการสอบที่ซ่อนอยู่เสื้อและเดินอยู่นอกห้องสอบ เป็นตัวเปลี่ยนสัญญาณโทรศัพท์เป็นสัญญาณวิทยุ ก่อนจะมีการส่งสัญญาณไปยังผู้เข้าสอบ ซึ่งสัญญาณวิทยุนั้นรัศมีการส่งจะมากกว่าสัญญาณโทรศัพท์ และเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่สามารถตัดได้ สำหรับที่ที่มาของเครื่องดังกล่าวนั้น ผลิตในประเทศไทย นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นคนสั่งซื้อเครื่องส่งสัญญาณมือถือ จำนวน 80 เครื่อง ราคา 4-5 พันบาท จากบริษัทแห่งหนึ่งที่ผลิตมา 180 เครื่อง ส่วนเครื่องส่งสัญญาณวิทยุเราสืบจากแผ่นปรินซ์สีเขียว ที่ผลิตจากเมืองไทย ซึ่งนายวิบูลย์ศักดิ์ก็สั่งซื้อมาจากบริษัทต่าง ๆ โดยมีการสั่งซื้อไว้กับบริษัทแห่งหนึ่งไว้ถึง 800 แผ่น แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้ไปรับสินค้าและยังไม่มีการขอเงินมัดจำคืนด้วย เราจึงสรุปว่า นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค โดยประวัติเป็นวิศวกรที่ทำสัญญาณกันขโมยตามบ้าน แต่การประกอบเครื่องตัดสัญญาณมือถือน่าจะมีลูกมืออยู่หลายคน
**ภาค5รวบผู้ใหญ่บ้านเอี่ยวโกงอีก1
วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.วัฒนา สักกวัตร รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.พิษณุ อุณหเสรี ผกก.สภ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายประพัทธ์ บุญใบ อายุ 37 ปี ผู้ใหญ่บ้านโนนม่วง อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 15 ต.แวงน่าง อ.เมือง จ.มหาสารคาม พร้อมของกลางเอกสารและบัตรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการสอบบุคคลภายนอกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ โดยตั้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน ตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.55
พล.ต.ต.วัฒนา กล่าวว่า ในการสอบนักเรียนนายสิบตำรวจเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 ได้ใช้สถานศึกษาในพื้นที่ จ.ลำปาง เป็นสนามสอบรวม 18 แห่ง และได้พบว่าในการสอบครั้งนี้มีการทุจริตที่เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการทำการสืบสวนสอบสวนในเรื่องดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบข้อสังเกตว่า มีผู้เข้าสอบจำนวนมากเดินทางมาจากจังหวัดมหาสารคามจนเป็นที่ผิดสังเกต จึงสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้เข้าสอบได้รับการชักชวนจากนายประพัทธ์ บุญใบ ผู้ใหญ่บ้านโนนม่วง โดยนายประพัทธ์ระบุว่าสามารถช่วยเหลือให้สอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 5,000 บาท และค่ารถอีก 3,500 บาท หากสามารถช่วยให้สอบเข้าได้จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 300,000 บาท พร้อมทั้งชี้แจงกับกลุ่มผู้เข้าสอบว่าเหตุที่ไม่เข้าสอบในสนามสอบของตำรวจภูธรภาค 4 เพราะการมาสอบที่สนามสอบตำรวจภูธรภาค 5 มีโอกาสสอบได้มากกว่า
กลุ่มผู้เข้าสอบระบุว่า หลังจากรับทราบข้อมูลที่นายประพัทธ์ บอกต่อพวกตน ทำให้มีผู้ที่หลงเชื่อจำนวนนับสิบคน เดินทางมายัง จ.ลำปาง ร่วมกับนายประพัทธ์ โดยเข้าพักที่บึงขุนตาลรีสอร์ท อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นได้มีการแนะนำวิธีทำรหัสในข้อสอบและมอบเครื่องรับสัญญาณเพื่อนำติดตัวเข้าไปในห้องสอบ สำหรับใช้ในการทุจริตการสอบ และในวันที่ 10 มิ.ย. นายประพัทธ์ก็ได้พาผู้เข้าสอบไปส่งตามสนามสอบต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ในการสอบดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจพบอุปกรณ์ ในการทุจริตสอบ 4 เครื่องและพบการทุจริต 17 ราย และจากการขยายผลทราบว่านายประพัทธ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวังลำปางออกหมายจับกุมตัว และเดินทางไปจับกุมตัวได้ที่บ้าน ณ จ.มหาสารคาม
ด้านนายประพัทธ์ รับสารภาพว่า ได้ร่วมกระทำผิดจริง โดยได้ดำเนินการจัดหาคนมาเข้าสอบจาก จ.มหาสารคาม ส่วนตนเองจะได้ค่าจ้างจากการเรียกเก็บเงินส่วนเกิน จากที่กำหนดไว้ที่ 300,000 บาท ซึ่งตนจะมีรายได้จากผู้เข้าสอบเฉลี่ยรายละ 30,000-50,000 บาท แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้รับเงินก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เสียก่อน
พล.ต.ต.วัฒนา กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างขยายผลเพื่อติดตามจับกุมเครือข่ายคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องในการทุจริตการสอบครั้งนี้มาจากหลายสายด้วยกัน และกำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน โดยมีเหตุให้เชื่อได้ว่าแต่ละสายน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันในการทุจริตสอบในทุกๆ แห่ง