ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผวจ.เชียงใหม่แนะผู้นำชุมชน-เยาวชนเชียงใหม่ต้องรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อย่าเอาแต่พัฒนาตามคนอื่นโดยหลงลืมอัตลักษณ์ตัวเอง ชี้ไม่มีรากก็ขาดเสน่ห์ที่ทำให้คนประทับใจเชียงใหม่ พร้อมระบุจะปรองดองทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจ-นึกถึงหลักความสามัคคี ติงสื่อบางส่วนใช้ถ้อยคำรุนแรง-เนื้อหาไม่ประเทืองปัญญามีแต่เพิ่มความเกลียดชัง
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่โรงแรมเชียงใหม่ ฮอลิเดย์ การ์เดน หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมจัดกระบวนการเรียนรู้ปลูกฝังสำนึกรักสามัคคี และเสริมสร้างความปรองดอง ประจำปี 2555 จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายชัชวาลย์ ปัญญา จ่าจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมการอบรมให้การต้อนรับ
การจัดการอบรมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้เยาวชนและผู้นำกลุ่มต่างๆ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างความสามัคคี ความปรองดอง และความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ ผ่านการพูดคุยหารือและแลกเปลี่ยนความรู้ การปลูกฝังและเสริมสร้างกระบวนการคิดและการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ และนำความรู้กับประสบการณ์จากการพูดคุยกันมาสร้างสรรค์กิจกรรมหรือโครงการที่จะเสริมสร้างความรักความสามัคคีและความปรองดองในชุมชนของตนเอง
การฝึกอบรมดังกล่าวประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การจัดกระบวนการเรียนรู้ 3 ร่วม 3 สร้าง ตลอดระยะเวลา 4 วัน ซึ่งมีทั้งการบรรยายให้ความรู้ในห้องเรียนและการศึกษาดูงาน ส่วนการจัดกิจกรรมจะนำความคิดเห็นของผู้เข้ารับการอบรมไปประมวลผลให้ได้ข้อสรุป ก่อนจะต่อยอดไปสู่การจัดทำโครงการเพื่อปลูกฝังความรักความสามัคคี และเสริมสร้างความปรองดองในระดับพื้นที่ร่วมกันของคนในชุมชน โดยกลุ่มผู้นำที่เข้ารับการอบรมให้ความรู้ในครั้งนี้ประกอบด้วยกลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 15-20 ปี อำเภอละ 1 คน รวม 25 คน ผู้นำเยาวชนระดับจังกวัด 10 คน ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 5 คน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 5 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 5 คน และผู้นำกลุ่มต่างๆ อำเภอละ 2 คน รวม 50 คน
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกับกลุ่มผู้เข้าร่วมการสัมมนาว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นทางด้านประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน รวมทั้งเป็นจุดขายที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนจากทั่วโลก
ดังนั้น ผู้คนในเชียงใหม่จะต้องร่วมกันคิดว่าจะดำรงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของตนเองไว้ได้อย่างไร โดยไม่ปล่อยให้กลืนหายไปกับกระแสความเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาตามแบบผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงอัตลักษณ์ของตัวเอง เพราะถ้าจะมุ่งพัฒนาแต่ด้านความเจริญเพียงอย่างเดียว เชียงใหม่อาจจะมีตึกสูงระฟ้า มีรถไฟใต้ดิน รถไฟลอยฟ้าที่ทันสมัยได้ก็จริง แต่ก็จะขาดเสน่ห์ในความเป็นเชียงใหม่ที่ผู้คนคุ้นเคยไป การเดินตามแนวทางการพัฒนาของสถานที่อื่นๆ จึงไม่ใช่คำตอบ หากแต่กลุ่มบุคคลที่เป็นผู้นำในชุมชนและสังคมจะต้องร่วมกันคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเชียงใหม่
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังกล่าวด้วยว่า การจะสร้างความสามัคคีและความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมได้นั้น จำเป็นที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือร่วมใจกันประพฤติปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนในการชี้นำหรือบอกกล่าวต่อสังคม อย่างเช่นกลุ่มผู้นำชุมชนทั้งหลายที่จะต้องคำนึงถึงเรื่องของการรู้รักสามัคคีระหว่างกันให้มาก
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในปัจจุบันสื่อมวลชนซึ่งถือเป็นสถาบันหนึ่งที่สำคัญในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน กลับมีบางส่วนที่นำเสนอข่าวสารด้วยเนื้อหาและถ้อยคำที่รุนแรง หรือเรื่องราวที่ไม่สร้างสรรค์และไม่ประเทืองปัญญา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะประชาชนที่บริโภคสื่อลักษณะนี้ก็จะได้รับแต่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างกันมากกว่าจะเกิดความสามัคคี อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเด็กและเยาวชนด้วย เพราะจะทำให้คนรุ่นหลังรู้สึกว่าสามารถทำเช่นเดียวกันได้โดยไม่ต้องมีความรับผิดชอบแต่อย่างใด