ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พระในวัดเขตคูเมือง 38 วัดจับมือชาวบ้านและองค์กรตั้งภาคีเครือข่ายอนุรักษ์วัดและชุมชนเขตคูเมืองเชียงใหม่ พร้อมยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึงผู้ว่าฯ ขอให้ประกาศโซนนิ่งพื้นที่คูเมืองปลอดสถานบันเทิง กับเสนอพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม ด้านนายอำเภอระบุจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ เตรียมสั่งปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ส่วนอดีตรองนายกเทศมนตรีชี้กฎหมายมีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการบังคับใช้
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่วัดพันอ้น จ.เชียงใหม่ ภาคีเครือข่ายภาคประชาชนสร้างแนวร่วมในการอนุรักษ์วัดและชุมชนเขตคูเมืองเชียงใหม่ นำโดยพระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น ในฐานะประธานเครือข่ายภาคประชาชนสร้างแนวร่วมในการอนุรักษ์วัดและชุมชนในเขตคูเมืองเชียงใหม่ ได้จัดการประชุมภาคีเครือข่าย พร้อมทั้งยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้น โดยมีนายชัยสิทธิ์ รัตนชัยสิทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับมอบหนังสือร้องทุกข์ดังกล่าว
การยื่นหนังสือร้องทุกข์ของกลุ่มภาคีเครือข่ายภาคประชาชนสร้างแนวร่วมในการอนุรักษ์วัดและชุมชนเขตคูเมืองเชียงใหม่ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางภาคีเห็นว่าการเกิดขึ้นของร้านเหล้าเบียร์ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ร้านอาหารที่มีการแสดงดนตรี และสถานบันเทิงเริงรมย์ในพื้นที่คูเมืองเชียงใหม่เป็นจำนวนมากในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่คูเมืองเป็นอย่างมาก ทั้งจากการเปิดให้บริการเกินเวลา ปัญหามลภาวะทางเสียง ความสะอาด หรือการละเมิดกฎหมายต่างๆ อีกทั้งยังไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ของคูเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณ และเป็นที่ตั้งของวัดวาอารามที่สำคัญและแหล่งวัฒนธรรมต่างๆ
ดังนั้น กลุ่มภาคีซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันขององค์กรต่างๆ รวม 13 องค์กร นำโดยเจ้าอาวาสวัดในเขตคูเมือง 38 วัด และผู้นำชุมชนในเขตคูเมือง 12 ชุมชน จึงได้ทำหนังสือร้องทุกข์ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ยื่นข้อเรียกร้องจำนวน 5 ข้อ ประกอบด้วย
1. ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ประกาศให้เขตคูเมืองเชียงใหม่เป็นเขตโซนนิ่งที่ปลอดจากร้านเหล้าเบียร์ ผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานบันเทิงเริงรมย์ทุกชนิด
2. ขอให้สรรพสามิตงดการออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการเปิดร้านเหล้าเบียร์ในเขตชุมชน ส่วนที่ออกใบอนุญาตไปแล้วนั้น เมื่อใบอนุญาตหมดอายุลงก็ไม่ต้องต่อใบอนุญาตให้ใหม่
3. ขอให้เทศบาลนครเชียงใหม่ ประกาศเทศบัญญัติเขตพื้นที่คูเมืองเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปลอดจากร้านเหล้าเบียร์ ผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานบันเทิงเริงรมย์ทุกชนิด
4. ขอให้จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พัฒนาเขตคูเมืองเชียงใหม่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม
และ 5. ขอให้เทศบาลนครเชียงใหม่ สรรพสามิตจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ กวดขันตรวจตราให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียมกัน
การเคลื่อนไหวเพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงการยื่นข้อเสนอให้จังหวัดเชียงใหม่จัดโซนนิ่งในเขตพื้นที่คูเมืองของภาคีเครือข่ายภาคประชาชนสร้างแนวร่วมในการอนุรักษ์วัดและชุมชนเขตคูเมืองเชียงใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามล่าสุดของภาคประชาชนในการกระตุ้นให้ภาครัฐดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่
หลังจากที่ปัญหาดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อประชาชนและพระภิกษุสงฆ์ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งจากมลภาวะทางเสียง มลภาวะทางอากาศจากการสูบบุหรี่ ความสกปรกจากการปัสสาวะของนักท่องเที่ยวข้างกำแพงวัดและรั้วบ้าน อีกทั้งยังนำเสนอแนวคิดการพัฒนาพื้นที่คูเมืองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม หลังจากที่กลุ่มชุมชนในตัวเมืองเชียงใหม่ได้เคยออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาก่อนหน้านี้
นายชัยสิทธิ์ รัตนชัยสิทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ถือเอาเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในวาระสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการ ดังจะเห็นได้จากการออกตรวจสถานบันเทิงของผู้ว่าราชการเมื่อไม่นานมานี้
ส่วนการดำเนินการของอำเภอเมืองเชียงใหม่นั้น ล่าสุดได้เตรียมที่จะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งปิดสถานบันเทิง 2 แห่ง ตามมาตรการทางปกครองแล้ว หลังจากที่ทางอำเภอเมืองเชียงใหม่ได้ออกตรวจตราและพบว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ด้านนายพรชัย จิตนวเสถียร อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ หนึ่งในผู้ร่วมประชุมกล่าวว่า จากประสบการณ์ของตนในการดูแลและแก้ไขปัญหาสถานบันเทิงนั้น สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีข้อกฎหมายที่สามารถนำมาใช้ในการบังคับควบคุมให้สถานบันเทิงเปิดปิดเป็นเวลาและไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนหรือชุมชนได้อยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ประชาชนก็ควรศึกษาข้อกฎหมายด้วยเช่นกัน เพราะในปัจจุบันมีกฎหมายที่เปิดช่องให้ประชาชนสามารถนำมาใช้ฟ้องร้องหน่วยงานภาครัฐได้ หากพบว่ามีการเพิกเฉยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สำหรับองค์กรที่ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายภาคประชาชนสร้างแนวร่วมในการอนุรักษ์วัดและชุมชนเขตคูเมืองเชียงใหม่ ประกอบด้วย เจ้าอาวาสวัดในเขตคูเมือง 38 วัด ผู้นำชุมชนในเขตคูเมือง 12 ชุมชน พุทธสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ ยุวพุทธิกสมาคมจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มหนุ่มสาวจังหวัดเชียงใหม่ สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองเชียงใหม่ หนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ กลุ่มคณะทำงานประชาสังคม ภาคเมือง กลุ่มเขียว สวย หอม กลุ่มใจบ้าน กลุ่มพื้นบ้านย่านเวียง กลุ่มเชียงใหม่จัดการตนเอง และเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบน