ฉะเชิงเทรา - 2 คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงรถจักรยานยนต์ชาวบ้าน ขณะขับขี่ไปซื้อของในตลาดช่วงเช้ามืด โชคดีไม่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
วันนี้ (31 พ.ค.) ร.ต.อ.บุญสฤษดิ์ ช่วยชู พนักงานสอบสวนเวร (สบ 1) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนตามประกบไล่จี้ชาวบ้านให้หยุดรถ ก่อนที่จะแย่งชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 315 ฉะเชิงเทรา-พนัสนิคม ใกล้กับบริเวณด้านหน้าปากทางเข้า บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) พื้นที่ ม.3 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.บ้านโพธิ์ และ อ.เมืองฉะเชิงเทรา
หลังก่อเหตุ คนร้ายได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายไป เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีฟ้า หมายเลขทะเบียนจำได้เพียง 136 ฉะเชิงเทรา สภาพค่อนข้างใหม่ ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถของผู้เสียหายหลบหนีมุ่งหน้าไปยังในเขตตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา
จากการสอบสวน นายประมวล ปั้นเทียม อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.1 ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เสียหายให้การว่า ช่วงเช้ามืด ขณะขับรถออกจากบ้านเพื่อไปรับหนังสือพิมพ์จากตัวจังหวัด เข้ามาส่งในตัว อ.บ้านโพธิ์ เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมระหว่างตัว จ.ฉะเชิงเทรา กับ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี (315) โดยมีคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน ลักษณะรูปร่างผอมสูงโปร่ง ประมาณ 175 ซม.ซึ่งคนขับสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า ส่วนคนซ้อนท้ายไม่ได้สวมหมวกกันน็อก โดยไว้ผมรองทรงลักษณะทรงรากไทร ทั้งคู่สวมชุดคลุมสีดำขับรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียนซึ่งมีลักษณะการแต่งกายคล้ายกับแก๊งเก็บเงินกู้นอกระบบ
โดยคนร้ายได้ขับรถไล่ตามหลังประกบรถของตนเองมา ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะชักอาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดแบบลำกล้องยาว คล้ายกับ .357 หรือ 11 มม. ชูขึ้นมาข่มขู่บังคับให้หยุดรถ ซึ่งขณะนั้นตนเองตกใจมาก จนทำให้รถเสียหลักล้มลง จากนั้นคนซ้อนท้ายได้ลงมาใช้อาวุธปืนเข้ามาจ่อที่ศีรษะ และร้องบอกกับตนว่าให้หนีไป ก่อนที่คนร้ายจะแย่งชิงเอารถจักรยานยนต์ของตนขับหลบหนีไปพร้อมกับรถของคนร้าย ซึ่งโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำอันตรายตนเองจนถึงชีวิต
ด้าน ร.ต.อ.บุญสฤษดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเบาะแสคนร้ายว่าเป็นกลุ่มใดโดยอยู่ระหว่างการสอบสวนหาข้อมูลของคนร้าย และรูปพรรณที่ผู้เสียหายจำได้ โดยหลังเกิดเหตุ คนร้ายได้นำกระสอบเปล่าใส่ของ และเชือกรัดหนังสือพิมพ์ที่ผู้เสียหายติดรถมาไปทิ้งไว้ที่บริเวณคอสะพานใกล้กับปากทางเข้าโรงแรมซันธารา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแสต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งลักษณะรูปร่าง และพฤติการณ์ รวมถึงเวลาในการก่อเหตุของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มคนร้ายที่เคยลงมือก่อเหตุแอบเข้าไปโจรกรรมฉกรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ ไอ จากบริเวณตลาดเช้ามืดหน้าวัดนครเนื่องเขต (วัดต้นตาล) ริมถนนสาย 304 พื้นที่ ม.5 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ของพ่อเฒ่าวัย 73 ปี เมื่อเวลา 05.30 น.ของวันที่ 15 พ.ค.55 ที่ผ่านมา
ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของรถจนเสียชีวิตขณะเข้าขัดขวางยื้อแย่งรถคืนจากคนร้าย โดยเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากเกิดเหตุขึ้นจนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายได้แต่อย่างใด ทั้งที่พฤติการณ์ในการก่อเหตุคนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยม และสะเทือนใจต่อประชนชนที่ได้ผ่านมา เนื่องจากเป็นบริเวณใต้ซุ้มประตูทางเข้าวัด
วันนี้ (31 พ.ค.) ร.ต.อ.บุญสฤษดิ์ ช่วยชู พนักงานสอบสวนเวร (สบ 1) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนตามประกบไล่จี้ชาวบ้านให้หยุดรถ ก่อนที่จะแย่งชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 315 ฉะเชิงเทรา-พนัสนิคม ใกล้กับบริเวณด้านหน้าปากทางเข้า บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) พื้นที่ ม.3 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.บ้านโพธิ์ และ อ.เมืองฉะเชิงเทรา
หลังก่อเหตุ คนร้ายได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายไป เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีฟ้า หมายเลขทะเบียนจำได้เพียง 136 ฉะเชิงเทรา สภาพค่อนข้างใหม่ ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถของผู้เสียหายหลบหนีมุ่งหน้าไปยังในเขตตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา
จากการสอบสวน นายประมวล ปั้นเทียม อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.1 ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เสียหายให้การว่า ช่วงเช้ามืด ขณะขับรถออกจากบ้านเพื่อไปรับหนังสือพิมพ์จากตัวจังหวัด เข้ามาส่งในตัว อ.บ้านโพธิ์ เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมระหว่างตัว จ.ฉะเชิงเทรา กับ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี (315) โดยมีคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน ลักษณะรูปร่างผอมสูงโปร่ง ประมาณ 175 ซม.ซึ่งคนขับสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า ส่วนคนซ้อนท้ายไม่ได้สวมหมวกกันน็อก โดยไว้ผมรองทรงลักษณะทรงรากไทร ทั้งคู่สวมชุดคลุมสีดำขับรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียนซึ่งมีลักษณะการแต่งกายคล้ายกับแก๊งเก็บเงินกู้นอกระบบ
โดยคนร้ายได้ขับรถไล่ตามหลังประกบรถของตนเองมา ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะชักอาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดแบบลำกล้องยาว คล้ายกับ .357 หรือ 11 มม. ชูขึ้นมาข่มขู่บังคับให้หยุดรถ ซึ่งขณะนั้นตนเองตกใจมาก จนทำให้รถเสียหลักล้มลง จากนั้นคนซ้อนท้ายได้ลงมาใช้อาวุธปืนเข้ามาจ่อที่ศีรษะ และร้องบอกกับตนว่าให้หนีไป ก่อนที่คนร้ายจะแย่งชิงเอารถจักรยานยนต์ของตนขับหลบหนีไปพร้อมกับรถของคนร้าย ซึ่งโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำอันตรายตนเองจนถึงชีวิต
ด้าน ร.ต.อ.บุญสฤษดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเบาะแสคนร้ายว่าเป็นกลุ่มใดโดยอยู่ระหว่างการสอบสวนหาข้อมูลของคนร้าย และรูปพรรณที่ผู้เสียหายจำได้ โดยหลังเกิดเหตุ คนร้ายได้นำกระสอบเปล่าใส่ของ และเชือกรัดหนังสือพิมพ์ที่ผู้เสียหายติดรถมาไปทิ้งไว้ที่บริเวณคอสะพานใกล้กับปากทางเข้าโรงแรมซันธารา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแสต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งลักษณะรูปร่าง และพฤติการณ์ รวมถึงเวลาในการก่อเหตุของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มคนร้ายที่เคยลงมือก่อเหตุแอบเข้าไปโจรกรรมฉกรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ ไอ จากบริเวณตลาดเช้ามืดหน้าวัดนครเนื่องเขต (วัดต้นตาล) ริมถนนสาย 304 พื้นที่ ม.5 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ของพ่อเฒ่าวัย 73 ปี เมื่อเวลา 05.30 น.ของวันที่ 15 พ.ค.55 ที่ผ่านมา
ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของรถจนเสียชีวิตขณะเข้าขัดขวางยื้อแย่งรถคืนจากคนร้าย โดยเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากเกิดเหตุขึ้นจนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายได้แต่อย่างใด ทั้งที่พฤติการณ์ในการก่อเหตุคนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยม และสะเทือนใจต่อประชนชนที่ได้ผ่านมา เนื่องจากเป็นบริเวณใต้ซุ้มประตูทางเข้าวัด
