เชียงราย - เครือข่ายอนุรักษ์ฯ ลุ่มน้ำโขง-ล้านนา จับตา “เขื่อนไชยะบุรี” ต่อ หลัง MRC ขยายเวลาศึกษาออกไปแล้ว ยันยังไม่วางใจ หวั่นผู้รับเหมา-บริษัทผลิตไฟฟ้าฝ่ามติ
นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา แกนนำเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา และกลุ่มรักษ์เชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากกรณีที่องค์กรเอกชนและภาคประชาชนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ยื่นหนังสือไปยังรัฐบาลไทยเพื่อเรียกร้องให้เป็นหนึ่งในประเทศในกลุ่มสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission หรือ MRC) คัดค้านการสร้างเขื่อนไชยะบุรี กั้นแม่น้ำโขงในเขตแขวงไชยะบุรี สปป.ลาว ห่างจาก อ.เชียงคาน จ.เลย ประมาณ 200 กิโลเมตร เนื่องจากจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต รวมทั้งยังเป็นโครงการที่เสนอโดยทาง สปป.ลาว แต่ใช้เงินกู้จากรัฐบาลไทยเพื่อแลกกับการซื้อพลังงานไฟฟ้าของไทยนั้น
ล่าสุด MRC ซึ่งประกอบด้วยไทย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ได้มีมติร่วมกันให้ขยายการศึกษาเพื่อการก่อสร้างออกไปแล้ว ทำให้โครงการคงจะไม่มีการก่อสร้างในเร็วๆ นี้ และถือเป็นสัญญาณที่ดีอย่างมาก ทั้งนี้ บางประเทศใน MRC ถึงขั้นขอให้ขยายการศึกษาออกไปถึง 10 ปีด้วย
อย่างไรก็ตาม การชะลอการก่อสร้างออกไปตามข้อเสนอดังกล่าวก็ต้องขึ้นอยู่กับทางการ สปป.ลาวว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะการก่อสร้างนี้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างกับบริษัทที่ผลิตไฟฟ้า ซึ่งต้องมีการหารือกันในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นทางเครือข่ายยังคงเฝ้าจับตาความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
“ผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงที่ผ่านมาก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าได้มีผลกระทบจริง ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำโขงแห้ง การขึ้นลงของน้ำผิดปกติ กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และระบบนิเวศวิทยา ฯลฯ นอกจากนี้ ตามความเป็นจริงแล้วการจะดำเนินการใดๆ ในแม่น้ำโขงโดยเฉพาะการสร้างเขื่อนที่จะกระทบไปถึงประเทศอื่นๆ ที่ใช้แม่น้ำโขงร่วมกันจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก MRC ก่อน รวมทั้งยังต้องมีการประเมินผลและศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย” นายสมเกียรติกล่าว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 55 ที่ผ่านมา เครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือต่อ MRC และแถลงการณ์ต่อ สปป.ลาว มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียกร้อง และแสดงความกังวลกรณีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตของไทยและเอกชนได้ทำสัญญาเกี่ยวกับการซื้อขายไฟฟ้าและก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้ไปแล้ว จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดังกล่าวดำเนินการตามข้อตกลงของ MRC เพราะหากไม่ดำเนินการก็อาจทำให้โครงการสร้างเขื่อนอื่นๆ อีกกว่า 11 โครงการที่อยู่ตอนล่างมีการดำเนินการในอนาคต และส่งผลกระทบต่อประชากรลุ่มแม่น้ำโขงกว่า 60 ล้านคนได้ด้วย
