กาฬสินธุ์ - ตำรวจกาฬสินธุ์ซ้อนแผนจับแก๊งนายหน้าค้าไม้พะยูงข้ามชาติ หลังพฤติกรรมสุดเหิมเย้ยกฎหมายส่งชาวบ้านหอบเงิน 1 แสนติดสินบนเจ้าหน้าที่แลกกับของกลางรถยนต์และไม้พะยูง 20 ท่อน สุดท้ายโดนรวบยกแก๊งและถูกแจ้งข้อหาหนัก
วันนี้ (30 พ.ค.) พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ พ.ต.ต.ภูมรินทร์ ขามชู หัวหน้าชุดปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ผสานกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.5 (บัวขาว) เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน และเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมป่าไม้
โดยออกตรวจปราบปรามการลักลอบตัดและขนไม้พะยูงในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณป่าดงด่านแย้ ท้ายบ้านห้วยแดง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งว่าจะมีการลักลอบขนไม้พะยูงออกจากพื้นที่
กระทั่งพบรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ถฉ 5628 กรุงเทพฯ ซึ่งติดหลังคา วิ่งมาตามถนนบ้านห้วยแดง-บ้านโคกโก่ง โดยเจ้าหน้าที่กำลังเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่คนร้ายเป็นชายได้จอดรถและวิ่งหนีเข้าไปในป่าข้างทาง
จากการตรวจค้นภายในกระบะหลังซึ่งดัดแปลงไว้สำหรับขนของ พบไม้พะยูงแปรรูปจำนวน 20 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.97 ลูกบาศก์เมตร จึงยึดของกลางไปเก็บไว้ตรวจสอบที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.5 (บัวขาว)
ทั้งนี้ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดกว่า 40 นายกำลังตรวจสอบของกลางอยู่นั้น ได้มีชายคนหนึ่งทราบชื่อคือนายไสว อุทโท อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาอ้างว่ามีเจ๊คนหนึ่งใช้ให้มาเคลียร์กับตำรวจ พร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวน 100,000 บาทเพื่อขอของกลาง ทั้งรถยนต์และไม้พะยูงทั้งหมดคืน
เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนจับกุมขบวนการดังกล่าว พร้อมนำกำลังเข้าจับกุมตัวนายไสวได้ที่บ้านพักเลขที่ 93 ม.10 บ้านห้วยแดง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ขณะกำลังนำเงินสินบนจ่ายให้เจ้าหน้าที่ พร้อมยึดของกลางเงินสดจำนวน 90,000 บาทไว้
จากนั้นกำลังอีกชุดที่ซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ ได้เข้าจับกุมนายสิทธิพล ชินวงค์ อายุ 43 ปี และนางสาวรวิภา แพงโคตร อายุ 34 ปี สองสามีภรรยาชาว อ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย ขณะกำลังขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร สีน้ำตาล ทะเบียน ฆจ 4654 กรุงเทพฯ วนเวียนอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ
จากการตรวจค้นภายในรถพบเงินสด ซึ่งเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทจำนวน 130,000 บาท จึงนำตัวมาสอบสวน ซึ่งนายสิทธิพล ชินวงค์ ยอมรับว่าเป็นเจ้าของรถยนต์อีซูซุที่ใช้ขนไม้พะยูงจริง แต่ยังปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินสินบนแก่เจ้าหน้าที่และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ
เนื่องจากนายไสว ผู้ที่นำเงินมาติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้การซัดทอดว่านายสิทธิพล และนางสาวรวิภา เป็นผู้ว่าจ้างให้นำเงินจำนวน 100,000 บาทมาเคลียร์ตำรวจแลกของกลาง เพื่อที่จะรีบส่งไม้พะยูงไปให้นายทุนต่างชาติ โดยได้ค่าจ้างเคลียร์ตำรวจ 10,000 บาท และยังพบหลักฐานสมุดคู่มือรถยนต์อีซูซุ ดีแมคซ์ที่ใช้ขนไม้พะยูง ซึ่งมีชื่อของนายสิทธิพล ชินวงค์ เป็นเจ้าของรถ อีกทั้งยังพบใบเสร็จค่าปรับจากตำรวจจราจรของรถอีซูซุ ดีแมคซ์
ซึ่งมีชื่อของนายสิทธิพลเป็นผู้เสียค่าปรับอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันแปรรูปไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันติดสินบนเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม นายไสวยังบอกอีกว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นนายหน้าที่รับซื้อไม้พะยูงในพื้นที่ และทำหน้าที่จะคอยจ่ายค่าเบิกทางให้รถที่ใช้ขนย้ายไม้พะยูงหากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นไปตลอดสายจนถึงปลายทาง
สำหรับไม้พะยูง ขณะนี้ยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มนายทุนต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงยิ่งกว่าทองคำ เพราะปัจจุบันไม้พะยูงขนาดความยาว 3 เมตรนายทุนจะรับซื้อในราคาแผ่นละ 60,000 บาท จากเดิมราคาเพียง 6,000-10,000 บาท และหากสามารถส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านจะสามารถขายได้แผ่นละ 100,000 บาท จึงเป็นสิ่งล่อใจให้ชาวบ้านเข้าไปตัดและขนย้าย จนทำให้ไม้พะยูงในเขตพื้นที่เขาภูพานและเขตอุทยานแห่งชาติภูสีฐานเหลือน้อยลงทุกที